svasdssvasds

พระลาสิกขา เรียก ทิด แต่ถ้าพระอาบัติปาราชิก ใช้คำว่า สมี (สะ-หมี)

พระลาสิกขา เรียก ทิด แต่ถ้าพระอาบัติปาราชิก ใช้คำว่า สมี (สะ-หมี)

คำที่ใช้เรียก พระลาสิกขา ตามความหมายใน พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน มีระบุไว้ อยู่ 2 คำ คือ ทิด และ สมี ซึ่งมีเงื่อนไขแตกต่างกันตามความประพฤติส่วนบุคคล

ในช่วงปีที่ผ่านมาได้มีข่าวพระนักเทศน์คนดังหลายรูปได้ทำการลาสิกขา ศึกออกมาจากผ้าเหลือง กลายเป็น ฆราวาส ทั่วไป ซึ่งในทางพระวินัยได้บัญญัติคำศัพท์ที่ใช้เรียก ไว้เฉพาะดังนี้ 

ตามความหมายใน พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้แปลความหมายไว้ว่า 

  • ทิด

น. คำนำหน้าชื่อผู้ที่สึกจากพระ เช่น ทิดบุญ ทิดเกิด. (กร่อนมาจากคำว่า บัณฑิต).
ซึ่งใช้กับผู้ที่บวชเรียนแล้วลาสิกาอย่างถูกต้องตามพระวินัยเท่านั้น

คลิปพิธีลาสิกขาของพระตามธรรมเนียมปฏิบัติ

ส่วนคำว่า 

  • สมี

(๑)  [สะหฺมี] น. คำเรียกพระภิกษุผู้ต้องอธิกรณ์ขั้นปาราชิก เช่น ในกรณีของ สมีเณรคำ หรือ สมียันตระ 

(๒)  (โบ) น. คำใช้เรียกพระภิกษุ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โดยในทาง พจนานุกรม อ.เปลื้อง ณ นคร ได้ระบุความหมายของคำว่า สมี ไว้ว่า 
น. คำเรียกคนถูกไล่สึกจากพระ เพราะต้องอาบัติปาราชิก บุคคลที่เป็นสมีจะบวชอีกไม่ได้ตลอดชีวิต 

คำว่า ปาราชิก นั้นแปลว่า ผู้ต้องพ่ายแพ้ในตัวเองไม่สามารถปฏิบัติในพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ให้ได้

ดั้งนั้นพระที่กระทำความผิดเข้าข่าย ข้อห้ามพระวินัยในปาราชิก 4 จนเป็นเหตุให้ถึงขั้น อาบัติปาราชิก มีด้วยกันดังนี้

  • ภิกษุเสพเมถุน  แม้กับสัตว์เดรัจฉาน (ร่วมสัมพันธ์ทางเพศกับมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือสัตว์ แม้แต่ซากศพก็ไม่ละเว้น)
  • ภิกษุมีเจตนาที่จะถือเอาสิ่งของของผู้อื่นมีราคา ๕ มาสก 
  • ภิกษุมีเจตนาฆ่ามนุษย์ 
  • ภิกษุอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน  (อุตตริมนุสสธรรม ได้แก่ ฌาน มรรค ผล นิพพาน)

ซึ่งทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมานั้นล้วนเป็น อาบัติหนัก ทั้งนี้ในพระวินัยกล่าวว่า แม้จะกระทำเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ต้องขาดจาการเป็นภิกษุทันทีและจะไม่สามารถกลับมาบวชได้อีกตลอดชีวิต

ที่มา
1 2