บิ๊กตู่ไม่รอช้า เชือดธรรมนัส ปลดจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แม้มีราคาที่ต้องจ่ายสูง แต่ก็ดีกว่าต้องอยู่อย่างหวาดระแวง
เร็วเกินคาด สำหรับการลงดาบ เชือด ร.อ.ธรรมนัส ให้ปลดพ้นจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ จากความบาดหมางในศึกอภิปรายไม่ไว้ใจ ที่บิ๊กตู่หวิดเพลี่ยงพล้ำ ตกเก้าอี้กลางสภา
ซึ่งในการบริหารประเทศ หากบิ๊กตู่ตัดสินใจได้เด็ดขาด และลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้ สถานการณ์โควิด-19 ในไทย คงไม่เลวร้ายอย่างที่เป็นอยู่ !!!
และเป็นที่แน่นอนแล้วว่า นับจากนี้ไป ร.อ.ธรรมนัส แม้ยังเป็นเลขาธิการพรรค แต่ก็หมดบทบาทในพลังประชารัฐอย่างสิ้นเชิง การเล่นเกมแรงครั้งนี้ของบิ๊กตู่ จึงส่งผลกระทบกับต่อยุทธศาสตร์พรรค ในระดับต้องรื้อใหม่ ส่วนแนวโน้มการเมืองไทยจะเป็นเช่นไร SpringNews ขอวิเคราะห์ดังต่อไปนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศึกอภิปรายฯ ได้แค่ขยี้แผล ! จับตา ถ้าครบเงื่อนไข 3 ข้อ อาจยุบสภาภายในปีนี้
เบื้องลึกศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ บิ๊กตู่ VS ธรรมนัส ใครหักเหลี่ยมใคร ?
ธรรมนัส ลั่น เดินทางเดียวกับบิ๊กตู่ ไม่ได้ ขอลาออก รมช.เกษตรฯ
1. การแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 เปลี่ยนบัตรเลือกตั้งเป็น 2 ใบ มีแนวโน้มแท้งกลางสภา
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้ง โดยให้กลับไปใช้บัตรเลือก 2 ใบ คือ เลือก ส.ส.เขต และเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งในวันนี้จะมีการโหวตวาระที่ 3 โดยเงื่อนไขสำคัญก็คือ นอกจากจะต้องได้รับเสียงโหวตเกินครึ่งสภาแล้ว ในจำนวนนี้ ยังต้องมีเสียงของ ส.ว. 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คนขึ้นไป รวมอยู่ด้วย
ซึ่งประเด็นนี้พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ชงเอง จากการวางหมากของ ร.อ.ธรรมนัส และได้รับการขานรับจากพรรคเพื่อไทย เนื่องจากระบบการเลือกตั้งบัตร 1 ใบในครั้งก่อน แม้เพื่อไทยจะได้ ส.ส.เยอะที่สุด แต่ก็หดหายไปเป็นจำนวนมาก ด้วยสูตรคำนวณแบบพิสดาร
การแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ ว่ากันว่าบิ๊กตู่ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะช่วงเวลานั้น ร.อ.ธรรมนัส กำลังท็อปฟอร์ม หลังจากสร้างผลงานเป็นแม่ทัพกวาด ส.ส.ได้ทุกสนามในการเลือกตั้งซ่อม เป็นผู้ทรงอิทธิพล รองจาก 3 ป. จึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคไปโดยปริยาย
ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องบัตรเลือกตั้ง ก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ ร.อ.ธรรมนัสการันตีว่า จะทำให้พลังประชารัฐได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกในสมัยหน้าอย่างแน่นอน
แต่เมื่อ ร.อ.ธรรมนัสหลุดจากขั้วอำนาจ จึงมีความเป็นไปได้ว่า ญัตตินี้ในวาระที่ 3 อาจโดนคว่ำกลางสภา เพราะบิ๊กตู่ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเสี่ยง จะเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งทำไม ในเมื่อตัวเองยังได้เปรียบอยู่
2. การยุบสภา จะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ บิ๊กตู่จะยื้ออยู่ในอำนาจให้นานที่สุด
ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้วิเคราะห์ไว้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบัตรเลือกตั้ง หากทำได้สำเร็จ จะเป็น 1 ใน 3 ปัจจัย ที่ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลอาจจะยุบสภา ไม่ช่วงปลายปีนี้ ก็ต้นปีหน้า
ฉะนั้นแล้ว หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องดังกล่าว ถูกคว่ำกลางสภา ก็แสดงว่าขั้วอำนาเดิมได้มีการปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เบื้องต้นคือยื้อให้บิ๊กตู่อยู่ให้นานที่สุด หรือให้ครบเทอมไปเลย แม้ต้องแลกกับความบอบช้ำของพรรค ตัวบิ๊กตู่ และประเทศ แต่ก็ดีกว่าเล่นเกมเสี่ยง ที่พรรคอาจหลุดออกจากอำนาจไป แบบไร้ทางกลับ
3. การเชือดธรรมนัส ทำให้พรรคต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่
การเชือด ร.อ.ธรรมนัส มีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก เพราะนับจากนี้ พลังประชารัฐต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ทั้งหมด ด้วยที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสมีบทบาทสูงเป็นอย่างมากในฐานะเลขาธิการพรรค และถูกวางตัวให้เป็นแม่ทัพในการสู้ศึกเลือกตั้ง รวมถึงเป็นผู้จัดการรัฐบาล
ดังนั้นแล้ว กว่าจะหาแม่ทัพคนต่อไป เลขาธิการพรรคที่เหมาะสม รวมถึงวางยุทธศาสตร์ใหม่แล้วเสร็จ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
และบิ๊กตู่คงประเมินแล้วว่า จำเป็นที่ต้องแลก และต้องเชือดธรรมนัส เพื่อสร้างความยำเกรง และไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงว่า จะถูกแทงข้างหลังอีก...ในวันใด