เปิดเทอมใหญ่ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังหนัก ผู้ปกครองยังอ่วมจากสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ แต่ต้องเร่งหาเงินจ่ายค่าเทอมบุตร-หลาน
ผลการสำรวจล่าสุดจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่สำรวจความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาและผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อผู้ปกครองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. – 10 พ.ค. 2563 พบว่า ผู้ปกครองที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด มองว่า ตนเอง ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 แต่มีมิติที่ต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่รายได้ลดลงเนื่องจากถูกลดเวลาการทำงานหรือถูกปรับลดเงินค่าจ้าง ขณะที่ผู้ตอบที่เป็นเจ้าของธุรกิจยอมรับว่า ยอดขายลดลง รวมทั้งบางคนไม่มีงานทำเนื่องจากธุรกิจปิดตัวลง ที่สำคัญคือยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการดูแลสุขภาพและป้องกัน โควิด-19 เพิ่มขึ้นมาด้วย
ผู้ตอบแบบสอบถาม 88.9% ยอมรับว่า มีความกังวลต่อสภาพคล่องทางการเงินที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อการศึกษาในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2563 นี้ จึงต้องปรับตัวด้วยการใช้แหล่งเงินจากหลายๆ ที่ นอกจากการใช้เงินออม เช่น สินเชื่อจากสถาบันการเงินอย่างบัตรเครดิตหรือสินเชื่อเงินสด โรงรับจำนำ ยืมญาติพี่น้องหรือเพื่อน
“รวมถึงบางคนได้ขอผ่อนผันการชำระค่าเรียนหรือผ่อนชำระค่าเทอมกับทางโรงเรียน ซึ่งมีสถานศึกษาบางแห่งอนุญาตให้ทำได้”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังประเมินว่า มูลค่าการใช้จ่ายในด้านการศึกษาในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 28,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายมาจาก ค่าธรรมเนียมการศึกษา ซึ่งเป็นผลจากจำนวนนักเรียนใหม่ที่เข้าสู่ระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น แต่เป็นอัตราการเพิ่มที่ชะลอตัวจากปีก่อน เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจครัวเรือน ทำให้โรงเรียนเอกชนหลายแห่งไม่ได้ปรับขึ้นค่าเรียน และบางแห่งได้ปรับลดค่าธรรมเนียมการศึกษา เพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง
อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองส่วนใหญ่ปรับลดค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาในบางกลุ่ม ซึ่งจะมีผลต่อผู้ประกอบการธุรกิจ ที่คงจะต้องเตรียมแผนการตลาดรองรับกับรายได้ที่จะลดลง โดยกลุ่มที่ปรับลดค่าใช้จ่าย ได้แก่