ในยุคที่ทุกคนต้องตรวจโควิดกันทุกวัน แยงจมูก แยงคอ จากเจ็บจนชิน แต่หลังจากนี้ เราจะได้ใช้ App ใหม่! ตรวจโควิดจากเสียงไอ
Digital life วันนี้จะพามาอัพเดทเรื่องของเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการตรวจหาเชื้อ โควิด-19
เพราะหลายคนบอก แยงจมูกจนทะลุไปถึงสมองแล้ว แหย่กันทุกวัน ทุกที่ที่ไป แล้วเมื่อไหร่มันจะมีวิธีอื่นๆที่ไม่ต้องเจ็บจมูกบ้างมั้ย
ล่าสุดข่าวดีของเราก็มาถึงแล้ว กับ Application ที่จะสามารถตรวจหาเชื้อโควิดได้ ด้วยการวิเคราะห์จาก “เสียงไอ” ครั้งนี้เป็นการเปิดเผยจาก นักวิทยาศาสตร์สายสุขภาพในออสเตรเลีย ที่ได้ พัฒนาแอปชื่อ ResApp ที่สามารถตรวจจับผู้ติดเชื้อโควิดได้จากเสียงไอ มีแม่นยำสูงถึง 92%
ขณะนี้อยู่ในห้วงของการทดสอบ ความแม่นยำ โดยข้อมูลเบื้องต้นมีการเปิดเผยว่าจากการทดลอง
โดยมีผู้ป่วยทั่วไป 741 ราย จากประเทศอินเดียและอเมริกา และผู้ป่วยโควิดอีก 446 ราย
ทดลองโดยการไอใส่โทรศัพท์ที่มี Application ResApp ปรากฏว่า App สามารถแยกแยะผู้ป่วยออกจากกันได้ถึง 92%
เนื่องจาก โควิด-19 เป็นโรคระบาดที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ จึงมีการแยกมาทดสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ป่วยด้านนี้โดยเฉพาะ เช่น หอบหืด และปอดบวม Application ResApp ก็สามารถตรวจเจอผู้ติดเชื้อโควิดได้อย่างแม่นยำสูงถึง 90%
ซึ่งการเปิดเผยครั้งนี้เข้าใกล้ความจริงที่เราจะได้ใช้มากขึ้น เพราะจริงๆแล้ว Application ResApp ก็พัฒนารมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่ ทีมนี้ทีมเดียวที่คิดว่า เสียบงไอ น่าจะบ่งบอกชนิดของโรคได้
อย่าง โดยทีมวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ก็กำลังทดสอบการใช้ AI สำหรับวิเคราะห์เสียงไอ ตั้งปีกลางปีที่แล้ว ที่มีการบันทึกเสียงไอจากผู้ติดโควิด-19 และผู้ที่ไอด้วยอาการไข้หวัดธรรมดา จากการรวบรวมบันทึกเสียงไอกว่า 70,000 รายการ ทีมพัฒนาเผยว่าระบบ AI ดังกล่าววิเคราะห์ได้แม่นยำถึง 98.5%
ยังมีทีมวิจัยมจาก หาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ในรัฐเพนซิลเวเนีย ที่ใช้เสียงบันทึกการไอ การออกเสียงสระและพยัญชนะต่างๆ เพื่อแยกสายพันธุ์ของ โควิด ผ่านระบบ machine learning
ส่วนที่ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ของอังกฤษ ก็พัฒนาระบบ machine learning ที่สามารถระบุการติดเชื้อโควิด-19 ผ่านเสียงไอและเสียงหายใจของบุคคล ที่แม่นยำสูงถึง 80%
เราจะเห็นว่าแต่ละประเทศ แต่ละหน่วนงานก็พยายามที่จะคิดค้นและพัฒนาให้เทคโนโ,ยี เข้ามาอำนวยความสะดวก แต่ทุกอย่างก็ต้องแข่งขันกับเวลา เพราะเราก็ไม่รู้ว่าการพัฒนาเหล่านี้ หรือ โควิด จะไปก่อนกัน
เพราะเทคโนโลยี ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นเรื่องที่อยู่ในชีวิตเรา มาอัพเดทไปพร้อมกันนะคะ