ก่อนความรุนแรงทางกายภาพจะเกิดขึ้น ระหว่าง “รัสเซีย กับ ยูเครน” มีการสร้างความปั่นป่วน ทางไซเบอร์ ซึ่งรัสเซียใช้แผนการนี้มาตลอด
Digital life วันนี้เฟรมขอพูดถึงสถานการณ์ที่ทั้งโลกกำลังจับตามอง
นั้นคือความขัดแย้งระหว่าง “รัสเซีย กับ ยูเครน” ว่ามันจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นขนาดไหน
ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิด ส่วนความขัดแย้งตรงนั้นเฟรมจะไม่ได้เล่าหลายคนอาจจะได้เห็นกันแล้วในคลิป สรุปให้ของคุณจ๊ะโอ๋
แต่สำหรับเฟรมจะเล่าอีกมุมนึงที่รัสเซียใช้เป็นหนึ่งในแผนการโจมตียูเครน นั่นก็คือการโจมตีทางไซเบอร์
1 วันก่อนที่รัสเซียจะเปิดฉากยิงถล่ม ทางยูเครนก็โดนโจมตี ในรูปแบบ DDoS (Distributed-denial-of-service) คือการโจมตีก่อกวนเว็บไซต์ของหน่วยงานสำคัญระดับประเทศ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทวงสาธารณสุข รวมทั้งธนาคารยักษ์ใหญ่ก็ไม่รอด มันคือการป่วนหลายเว็ปไซต์พร้อมๆกัน ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงเว็ปไซต์เหล่านั้นได้ และเครือข่ายที่ต้องเชื่อมกันด้วยอินเตอร์เน็ตก็เหมือนใช้กสารไม่ได้จะล่มไปโดยปริยาย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของ ยูเครน ก็ออกมาเปิดเผยว่าเจอมัลแวร์ที่ใช้เพื่อต้องการล้างข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ที่ชื่อว่า Data Wiper Malware ซึ่งข้อมูลที่เจ้าตัวนี้ลบไป จะไม่สามารถกู้คืนมาได้ ทำให้ระบบทุกอย่างรวนไปหมด ถ้าจะแก้ไขเหมือนต้องเขียนข้อมูลนั้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น
แต่เรื่องที่เกิดนี้เหมือนว่าทาง ยูเครนจะรู้ตัวก่อนแล้ว เพราะทางยูเครนเองก็เปิดเผยว่าได้รับคำเตือนว่าจะมีการโจมตีทางไซเบอร์โดยพุ่งเป้าไปที่เครือข่ายข้อมูลของรัฐบาล แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งได้
ซึ่งการโจมตีในลักษณะนี้ ทางผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าน่าจะต้องใช้เวลาในการเตรียมการอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 เดือน
และหลังจากที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ด้านนายกฯ ออสเตรเลียประกาศคว่ำบาตรรัสเซียทันที โดยให้เหตุผลว่ารับการรุกรานด้วยความรุนแรงของรัสเซียไม่ได้ หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกิจการภายในรัสเซีย ก็ได้เตือนว่า รัฐเซียจะตอบโต้การกระทำครั้งนี้ด้วยการโจมตีทางไซเบอร์ที่จะกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานของออสเตรเลีย
และทางออสเตรเลียก็รู้แล้วว่านั้นไม่ใช่แค่คำขู่เพราะหลายบริษัทก็ได้รับการเตือนเกี่ยวกับเหตการณ์นี้แล้ว
ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียใช้แผนการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อเป็นคำเตือนก่อนที่จะเปิดฉากโจมตีในโลกจริง
เพราะยูเครนก็โดนแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2014 รวมไปถึงสมาชิก NATO ที่ให้การสนับสนุน ยูเครนก็โดนไปด้วย
เรื่องของเทคโนโลยีมันมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ เพราะถ้าเครือข่ายหน่วยงานของรัฐเป็นอัมพาตไป ข้อมูลการเชื่อมต่อทั้งหมดของประชากร ก็จะหายสาบสูญไปด้วย
ซึ่งการโจมตีทางไซเบอร์ก็ร้ายแรงไม่แพ้การยิงขีปนาวุธเลยนะคะ
เพราะเทคโนโลยีมันไม่ใช่แค่เรื่องเทรนด์ แต่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต
เราต้องอัพเดทกันอยู่เสมอนะคะ