SHORT CUT
สงครามราคาตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ไทยเดือด foodpanda ขาดทุนสะสมมหาศาลกว่า 1.3 หมื่นล้านบาทในรอบ 5 ปี บีบให้ Foodpanda ผู้บุกเบิกตลาดรายแรกๆ ต้องยอมถอยทัพ แม้จะพยายามลดต้นทุนและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แล้วก็ตาม
การปิดกิจการในไทยเป็นผลโดยตรงจากการปรับยุทธศาสตร์ระดับโลกของ Delivery Hero ที่ต้องการจัดสรรทรัพยากรไปยังตลาดที่มีศักยภาพทำกำไรสูงกว่า สะท้อนว่าผลประกอบการและสภาพแวดล้อมในไทยไม่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของบริษัทแม่อีกต่อไป
การจากไปของ Foodpanda ทิ้งผลกระทบต่อทั้งร้านค้า ไรเดอร์ พนักงาน และลูกค้า ทั้งยังเป็นกรณีศึกษาสำคัญถึงความท้าทายของธุรกิจแพลตฟอร์ม การบริหารจัดการภาวะวิกฤต (เช่น กรณี #แบนfoodpanda) และความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบเศรษฐกิจ Gig Economy โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด
Foodpanda ยุติบริการในไทย หลังบุกเบิกตลาด 13 ปี เผชิญขาดทุนหนัก-การแข่งขันดุเดือด สภาพตลาดไม่เอื้อต่อกลยุทธ์ระยะยาว ชวนย้อนรอยดูเส้นทางการเติบโตจนถึงประกาศปิดตัว
Foodpanda ประกาศเตรียมยุติการให้บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป การตัดสินใจครั้งนี้ปิดฉากการเดินทางอันยาวนานกว่า 13 ปีในฐานะผู้บุกเบิกตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่รายแรกๆ ของไทย
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและผลประกอบการขาดทุนสะสมมหาศาล การถอนตัวครั้งนี้สะท้อนภาพความท้าทายของธุรกิจแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ในปัจจุบัน และส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง
Foodpanda เริ่มต้นให้บริการในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยเป็นสตาร์ทอัพสัญชาติเยอรมันภายใต้การดูแลของ Rocket Internet ซึ่งถือเป็นผู้ให้บริการสั่งอาหารออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันเจ้าแรกๆ ที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวิถีชีวิตคนไทย
ในช่วงแรก โลโก้ยังเป็นสีส้มและให้บริการผ่านเว็บเบราว์เซอร์และฮอตไลน์ ก่อนจะพัฒนาสู่โมบายแอปพลิเคชันในปี 2556 ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Foodpanda เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีแรก Foodpanda มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการระดมทุนหลายรอบจากนักลงทุนชั้นนำ และเข้าร่วมกับ Delivery Hero บริษัทแม่จากเยอรมนีในปี 2559
จุดเด่นสำคัญของ Foodpanda คือการขยายบริการอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ให้บริการครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยในปี 2563 โดยมีร้านค้าในระบบมากกว่า 120,000 ร้าน
นอกจากบริการส่งอาหารแล้ว Foodpanda ยังขยายบริการไปสู่ Quick Commerce ผ่าน pandamart และ foodpanda shops ในปี 2563 รวมถึงบริการอื่นๆ เช่น รับเองที่ร้าน (Pick-up), ทานที่ร้าน (Dine-in) และแพ็กเกจสมาชิก pandapro
Foodpanda มีการแต่งตั้งผู้บริหารหญิงคนไทยคนแรกคือ คุณศิริภา จึงสวัสดิ์ ในปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ครบรอบ 10 ปีของการดำเนินงานในไทย
แม้จะเป็นผู้บุกเบิกและเคยเป็นผู้เล่นรายสำคัญ แต่ Foodpanda ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ไทย จากคู่แข่งทั้งรายเดิมและรายใหม่
เช่น GrabFood, LINE MAN Wongnai, ShopeeFood และ Robinhood การแข่งขันเน้นไปที่สงครามราคา โปรโมชั่น ส่วนลดค่าส่ง และการแย่งชิงร้านค้าพันธมิตรและผู้ใช้งาน
ข้อมูลส่วนแบ่งการตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงสถานะที่ท้าทายของ Foodpanda
ปี 2564/2565 : ข้อมูลจากบางแหล่งชี้ว่า Foodpanda มีส่วนแบ่งตลาดราว 22-23% เป็นอันดับสองหรือสาม รองจาก GrabFood ขณะที่บางแหล่งระบุส่วนแบ่งที่ 16% เป็นอันดับสาม
ปี 2566/2567 : ส่วนแบ่งการตลาดของ Foodpanda ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยข้อมูลจาก Momentum Works ระบุว่าลดลงเหลือ 8%
ข้อมูลล่าสุดช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จาก Redseer Strategy Consultant จัดให้ Foodpanda อยู่ในกลุ่ม "อื่นๆ" ซึ่งมีส่วนแบ่งรวมกันเพียงประมาณ 6% โดยมี LINE MAN (44%) และ Grab (40%) เป็นผู้นำตลาด ตามด้วย ShopeeFood (10%)
การลดลงของส่วนแบ่งการตลาดสะท้อนถึงความยากลำบากในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มที่มีเงินทุนหนา หรือมี Ecosystem ที่แข็งแกร่งกว่า
เช่น LINE MAN Wongnai ที่ได้เปรียบจากฐานผู้ใช้ LINE และ Wongnai หรือ Grab ที่มีบริการหลากหลาย การแข่งขันที่รุนแรงนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการทำกำไรของทุกแพลตฟอร์ม รวมถึง Foodpanda
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยให้เห็นว่า บริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจ Foodpanda ประสบภาวะขาดทุนสุทธิติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี
ปี 2562 : รายได้ 818,156,828.37 บาท ขาดทุน 1,264,503,583.82 บาท
ปี 2563 : รายได้ 4,375,128,919 บาท ขาดทุน 3,595,901,657 บาท
ปี 2564 : รายได้ 6,786,566,010 บาท ขาดทุน 4,721,599,978 บาท
ปี 2565 : รายได้ 3,628,053,048 บาท ขาดทุน 3,255,107,979 บาท
ปี 2566 : รายได้ 3,843,303,372 บาท ขาดทุน 522,486,848 บาท
ตัวเลขขาดทุนสะสมรวมกว่า "13,359 ล้านบาท" ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความไม่ยั่งยืนทางการเงินอย่างชัดเจน แม้ในปี 2566 จะสามารถลดการขาดทุนลงได้ แต่ก็ยังคงเป็นการขาดทุนจำนวนมาก และอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทแม่ถึงศักยภาพในการทำกำไรในระยะยาวได้
เมื่อพิจารณาจากขนาดของความเสียหายทางการเงินที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง การขาดทุนมหาศาลนี้จึงเปรียบเสมือน "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่นำไปสู่การตัดสินใจถอนตัว
ตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ไทยเป็นสมรภูมิเดือด ผู้เล่นหลักต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลในการทำโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม เพื่อดึงดูดลูกค้าและร้านค้า กลายเป็นการแข่งขันแบบ "เผาเงิน"
ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงาน ทั้งค่าคอมมิชชั่น ค่าจัดส่ง และค่าการตลาด ประกอบกับหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ผู้บริโภคส่วนหนึ่งกลับไปนั่งทานที่ร้านมากขึ้น ทำให้ความนิยมในการใช้บริการเดลิเวอรี่ลดลง
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมีความกังวลเรื่องค่าอาหารบวกค่าส่งที่สูงเกินไป รวมถึงปัญหาคุณภาพบริการ เช่น อาหารไม่ตรงปก หรือการจัดส่งล่าช้า ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่น
แถลงการณ์อย่างเป็นทางการระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทางการปรับกลยุทธ์เชิงภูมิศาสตร์ (Geostrategy Optimization) ของ Delivery Hero ซึ่งเคยดำเนินการมาแล้วในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก กานา สโลวาเกีย และสโลวีเนีย
บริษัทแม่ต้องการมุ่งเน้นทรัพยากรไปยังตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ที่มีศักยภาพในการเติบโตและให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า การปล่อยมือจากตลาดไทยจึงเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์
เหตุการณ์ที่ Foodpanda ตอบโต้กรณีไรเดอร์เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองอย่างแข็งกร้าวในตอนแรก นำไปสู่กระแสต่อต้าน #แบนfoodpanda อย่างรุนแรงบนโซเชียลมีเดีย
มีรายงานว่าผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านคนและร้านค้าพันธมิตรกว่า 90,000 ราย เลิกใช้แพลตฟอร์มในช่วงเวลาสั้นๆ แม้ภายหลังบริษัทจะออกมาขอโทษและเปลี่ยนแปลงท่าที แต่เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของแบรนด์
วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงดราม่าชั่วคราว แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เร่งการเสื่อมถอยของแบรนด์ในประเทศไทย แต่ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
แม้ในแถลงการณ์ของ Delivery Hero และ Foodpanda จะระบุถึงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือหรือชดเชยที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มไรเดอร์และร้านค้าพันธมิตร
ที่มา : DBD, CHULA, LaotainTimes