svasdssvasds

"หุ่นยนต์แมวเสิร์ฟ" พลิกโฉมบริการญี่ปุ่น แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน

"หุ่นยนต์แมวเสิร์ฟ" พลิกโฉมบริการญี่ปุ่น แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน

หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร กำลังยึดครองร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่น สะท้อนภาพอนาคตภาคบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ Automation แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน-สังคมสูงวัย

SHORT CUT

  • ญี่ปุ่น นำหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของความน่ารักหรือความแปลกใหม่ แต่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง และรับมือกับสังคมสูงวัย
  • การใช้งานหุ่นยนต์ในภาค "การดูแลผู้สูงอายุ" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่สำคัญ และมีแนวโน้มการเติบโตสูง การขยายตัวของหุ่นยนต์บริการไปยังภาคส่วนอื่นๆ เช่น โลจิสติกส์, การรักษาความปลอดภัย, หรือแม้กระทั่งในครัวเรือน
  • หุ่นยนต์บริการ (Service Robotics) เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น และจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้คนที่มีต่อหุ่นยนต์ จากเดิมที่อาจมองว่าเป็น "ของเล่น" จะกลายเป็น "เครื่องมือ" ที่ช่วยอำนวยความสะดวก และเป็น "เพื่อนร่วมงาน" ที่ช่วยแบ่งเบาภาระ

หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร กำลังยึดครองร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่น สะท้อนภาพอนาคตภาคบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ Automation แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน-สังคมสูงวัย

"หุ่นยนต์แมว" เสิร์ฟอาหาร ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราวในร้านอาหารญี่ปุ่น แต่คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในภาคบริการ ที่กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ 

บริษัทวิจัย Fuji Keizai Co. คาดการณ์ว่า ตลาดหุ่นยนต์บริการในญี่ปุ่นจะมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านเยน ภายในปี 2030 หรือเกือบสามเท่าของขนาดในปี 2024 ในขณะที่ตลาดโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 1.35 ล้านล้านเยนในปี 2021 เป็น 2.57 ล้านล้านเยนในปีนี้

ญี่ปุ่น กำลังเผชิญกับ "วิกฤตแรงงาน" จากอัตราการว่างงานที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ และโครงสร้างประชากรสูงวัยที่รุนแรงขึ้น

คาดการณ์ว่าภายในปี 2040 ญี่ปุ่นจะขาดแคลนแรงงานถึง '11 ล้านคน' โดยเฉพาะในภาคบริการและการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งต้องการแรงงานจำนวนมาก

CREDIT : Bloomberg

Service Robots หรือ หุ่นยนต์บริการ กำลังกลายเป็นคำตอบของปัญหาเหล่านี้ ด้วยความสามารถในการทำงานซ้ำๆ ได้อย่างแม่นยำ ไม่เหน็ดเหนื่อย และสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย

'หุ่นยนต์เหล่านี้จึงไม่ได้เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ แต่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน'

CREDIT : Bloomberg

Skylark Holdings Co. เครือร้านอาหารรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เป็นผู้นำในการนำหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารมาใช้อย่างกว้างขวาง ด้วยหุ่นยนต์กว่า 3,000 ตัว ที่ประจำการในร้านอาหารกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ

CREDIT : Bloomberg

หุ่นยนต์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่สร้างความแปลกใหม่และดึงดูดลูกค้า แต่ยังช่วยลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมีนัยสำคัญ โดย Bloomberg Intelligence ประเมินว่า Skylark สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง '5 พันล้านเยนต่อปี'

CREDIT : Bloomberg

เบื้องหลังความสำเร็จของหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารในญี่ปุ่น คือ Pudu Robotics บริษัทเทคโนโลยีจากประเทศจีน ผู้ผลิตหุ่นยนต์ BellaBot และ KettyBot ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

ด้วยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ 3 มิติ ระบบนำทางอัตโนมัติ และความสามารถในการโต้ตอบกับมนุษย์ ทำให้หุ่นยนต์ Pudu สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกเหนือจากภาคบริการร้านอาหาร หุ่นยนต์ยังมีบทบาทสำคัญในภาคการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนบุคลากรอย่างหนักเช่นกัน

หุ่นยนต์บริการ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในร้านอาหาร ภาคการดูแลผู้สูงอายุก็จะมีหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทสำคัญ ด้วยการคาดการณ์ว่าจะขาดแคลนผู้ดูแลถึง 570,000 คนภายในปี 2040 

หุ่นยนต์ สามารถช่วยเหลือกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุ เช่น การเคลื่อนย้าย การตรวจวัดสุขภาพ และการเฝ้าระวัง ทำให้ผู้ดูแลสามารถให้บริการได้อย่างมีคุณภาพและทั่วถึงมากขึ้น

สถานดูแลผู้สูงอายุ Flos Higashi-Kojiya ในโตเกียว มีการใช้หุ่นยนต์ "Hug" เพื่อช่วยผู้สูงอายุที่นั่งรถเข็นให้ลุกขึ้นยืนได้อย่างปลอดภัย รวมถึงระบบเซ็นเซอร์ใต้ที่นอนที่ช่วยติดตามการนอนหลับและสัญญาณชีพของผู้สูงอายุ

CREDIT : HUG

ตลาดหุ่นยนต์บริการ (Service Robots) ในญี่ปุ่นและทั่วโลก กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าตลาดในญี่ปุ่นจะเติบโตเกือบสามเท่าภายในปี 2030 และตลาดโลกจะเติบโตมากกว่าเท่าตัวภายในปีนี้

การเติบโตของหุ่นยนต์บริการในญี่ปุ่น ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางเทคโนโลยี แต่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

การจับตาดูพัฒนาการในด้านนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจถึงแนวโน้มและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เทคโนโลยีหุ่นยนต์และ AI จะมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น

ที่มา : TechCrunchBloomberg

related