SHORT CUT
ทีมนักวิจัยใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบ“มาร์สเควก” หรือแผ่นดินไหวบนดาวอังคารที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาตต่าง ๆ และค้นพบว่าแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นได้ลึกและเดินทางไปได้ไกลกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอนของอังกฤษและมหาวิทยาลัยเบิร์นในสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและค้นพบว่า “มาร์สเควก” (Marsquakes) หรือ “แผ่นดินไหวบนดาวอังคาร” จำนวนมาก อันเป็นผลมาจากคลื่นไหวสะเทือน ซึ่งเกิดจากการชนของอุกกาบาตต่าง ๆ นั้นสามารถเดินทางได้ไกลและอยู่ในระดับลึกกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้
การค้นพบนี้ที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Geophysical Research Letters อาจช่วยไขปริศนาเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของดาวอังคาร ตลอดจน วิธีการก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้และดาวเคราะห์หินดวงอื่น ๆ ได้
ดร.คอนสแตนตินอส ชาลาลัมบุส (Dr Constantinos Charalambous) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน อธิบายว่า “มาร์สเควก” (Marsquakes) นั้น หมายถึง กิจกรรมแผ่นดินไหวใด ๆ ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้เกิดขึ้นบนพื้นผิวดาวอังคาร ไม่ว่าจะเป็นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแผ่นเปลือกดาว การพุ่งชนของอุกกาบาตหรือความเค้นที่เกิดจากความร้อนบนพื้นผิว
ดร.ชาลาลัมบุส เสริมว่า คลื่นไหวสะเทือนสามารถเดินทางไปได้อย่างรวดเร็วและไปได้ไกลถึงยาน InSight Lander ยานสำรวจทางธรณีวิทยาบนพื้นผิวของดาวอังคาร ซึ่งมีอุปกรณ์ตรวจจับแผ่นดินไหว หลังยานลำนี้ลงจอดและปฏิบัติภารกิจบนพื้นผิวของดาวเคราะห์ดวงนี้มานับตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมา รวมถึง แผ่ไปยัังพื้นที่ที่ไกลกว่า
นักวิจัยรายนี้ยังระบุด้วยว่า คลื่นไหวสะเทือนจาก “มาร์สเควก” ที่แผ่กระจายผ่านชั้นต่าง ๆ ภายในดาวอังคารยังสามารถลงไปถึงชั้นแมนเทิล (Mantle) หรือชั้นเนื้อดาวของดาวอังคารได้อีกด้วย
ทีมนักวิจัยใช้ เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบการชนของอุกกาบาตทั้งหมดใกล้กับ ยาน InSight Lander ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ นาซา (NASA) ระหว่างเดือนธันวาคม ปี 2018 ถึงเดือนธันวาคม ปี 2022 พร้อมใช้ AI สแกนภาพถ่ายนับหมื่นภาพที่ถ่ายจากยานมาร์ส รีคอนเนสเซนซ์ ออร์บิเตอร์ (Mars Reconnaissance Orbiter: MRO) ยานโคจรสำรวจพื้นผิวดาวอังคารของนาซา เพื่อระบุร่องรอยของการชนใหม่ ๆ ที่เกิดจากอุกกาบาต ก่อนนำข้อมูลที่ได้ไปอ้างอิงเข้ากับข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนที่รวบรวมโดยยานสำรวจ InSight Lander
“ทอม ไพค์” (Tom Pike) ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์จากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล ลอนดอน คอลเลจและเป็นหนึ่งในผู้สร้างเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวบนดาวอังคาร เปิดเผยว่า ทีมนักวิจัยมีข้อมูลจำนวนมหาศาลเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถสรุปได้ นี่คือจุดที่เทคโนโลยี AI และแมชชีน เลิร์นนิง เข้ามาช่วยมนุษย์ในการทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านั้น
ข้อมูลเปิดเผยว่าการชนของอุกกาบาตบนดาวอังคารเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่เคยประมาณการไว้ถึง 2 เท่า เนื่องจากก่อนหน้านี้นักวิจัยเชื่อว่าพลังงานจากคลื่นไหวสะเทือนที่ยาน InSight Lander ตรวจพบ จำกัดอยู่ที่แผ่นเปลือกของดาวอังคารเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่บ่งชี้ว่า คลื่นไหวสะเทือนที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาต สามารถเดินทางลงไปได้ลึกถึงชั้นเนื้อดาวของดาวอังคาร และแผ่ออกไปยังบริเวณที่ห่างไกลออกไปของดาวเคราะห์ดวงดังกล่าว
สำหรับขั้นตอนต่อไปสำหรับนักวิจัยทีมนี้ คือ การประเมินแบบจำลององค์ประกอบภายในและโครงสร้างภายในของดาวอังคารอีกครั้ง เพื่อหาคำอธิบายว่าคลื่นไหวสะเทือนสามารถลงไปถึงความลึกในระดับดังกล่าวได้อย่างไร พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าด้วยพลังการประมวลผลที่รวดเร็วของเทคโนโลยี AI และความสามารถในการระบุการชนที่แม่นยำจะมีบทบาทสำคัญในการวิจัยระยะใหม่นี้
ดร.ชาลาลัมบุส ทิ้งท้ายว่า โครงสร้างภายในของดาวอังคารเปรียบเสมือนกับแคปซูลเวลา และการที่คลื่นไหวสะเทือนเคลื่อนผ่านแคปซูลเวลานั้น สามารถช่วยให้นักวิจัยเข้าใจต้นกำเนิด การก่อตัว วิวัฒนาการและสถานภาพปัจจุบันของดาวเคราะห์ดวงนี้ รวมถึง การก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวเคราะห์หินดวงอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง