SHORT CUT
ทำความรู้จักกับ Bloatware แอปไม่พึงประสงค์ ที่มันอาจจะมาล้วงข้อมูลเราไปได้ แบบที่เราไม่รู้ตัว และมาดูกันว่า วิธีจัดการกับ Bloatware สามารถทำได้อย่างไรบ้าง
กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจของสังคมไอทีและผู้ใช้งานมือถือ จากกรณีที่ โทรศัพท์ 2 ยี่ห้อดังทั้ง "OPPO" และ "realme" มี "แอปกู้เงิน" ยัดสอดไส้ติดตั้งมาในสมาร์ตโฟน โดยแอปที่ว่านั้นก็คือ แอป Fineasy ซึ่งทางทั้ง 2 แบรนด์มีทางออกก็คือ จะถอด App เจ้าปัญหาตัวนี้ออกในรุ่นถัดๆไป
.
จากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น , "แอปกู้เงิน" ที่ติดมากับมือถือของทั้งสองแบรนด์ มีลักษณะที่เข้าค่ายเป็น Bloatware แอปไม่พึงประสงค์ ซึ่งติดมากับเครื่องมือถือ-แท็บแล็ต หรือบางครั้งก็ติดมากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเวลานี้แอปฯพวกนี้อยู่ มันช่างกวนใจผู้ใช้งานเหลือเกิน เพราะผู้ใช้งานไม่ได้อยากมี ไม่ได้อยากใช้มันเลย แต่มันถูกติดตั้งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการอยู่ก่อนแล้ว
.
วันนี้ SPRiNG tech ชวนมาทำความรู้จัก Bloatware แอปไม่พึงประสงค์ ที่ว่านี้...
Bloatware หมายถึงซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์มือถือ แท็บแล็ต โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นแอปที่ไม่จำเป็น เช่น แอปพลิเคชันเวอร์ชันทดลอง แอปพลิเคชันจากผู้ผลิต แอปโปรโมชันต่าง ๆ รวมถึงแอปที่ซ้ำซ้อนกับที่มีในระบบอยู่แล้ว เป็นต้น
โดยที่ผู้ใช้อาจไม่ต้องการหรือไม่เคยใช้งาน ซึ่งซอฟต์แวร์เหล่านี้มักใช้ทรัพยากรระบบมากเกินความจำเป็น ทำให้ระบบทำงานช้าลงและเปลืองพื้นที่เก็บข้อมูล
คำว่า "bloat" แปลว่า "บวม" หรือ "เกินพอดี" สื่อถึงการที่แอปเหล่านี้ใช้ทรัพยากรระบบอย่างไม่จำเป็น เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูล, RAM, หรือ CPU ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบทำงานช้าลง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทั้งหมดที่ควรเรียกว่า bloatware บางตัวเป็นแอปยูทิลิตี้ เช่น นาฬิกา รายชื่อผู้ติดต่อ และเข็มทิศ ที่คุณอาจจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
สำหรับ bloatware นั้นเป็นแอปที่ส่งการแจ้งเตือนสแปม ขโมยข้อมูลของคุณอย่างเงียบ ๆ หรือทำงานในพื้นหลัง ซึ่งแอป Bloatware มักทำอันตรายมากกว่าดี
มีดังนี้
• กินทรัพยากรในมือถือ : ทำให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลลดลงและอุปกรณ์ทำงานช้าลง
• ยากที่จะลบออก: บางครั้งแอปเหล่านี้ถูกล็อกให้ผู้ใช้ไม่สามารถถอนการติดตั้งได้ง่าย
• ความปลอดภัย: อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหากไม่ได้รับการอัปเดต
• ถอนการติดตั้ง: หากสามารถลบได้ ให้ลองถอนการติดตั้งจากเมนูการตั้งค่า
• ปิดการทำงาน: ในกรณีที่ลบไม่ได้ อาจเลือกปิดการทำงานของแอปนั้น
• ใช้ซอฟต์แวร์พิเศษ: เช่น โปรแกรมลบ bloatware โดยเฉพาะ
• ติดตั้งระบบใหม่: หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจเลือกติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่โดยไม่มี bloatware
การจัดการกับ bloatware อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์และลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
สมาร์ตโฟนของ Xiaomi, Redmi, และ POCO เป็นที่รู้จักในด้านฮาร์ดแวร์สเปกสูงในราคาถูก ซึ่งผู้ผลิตทำรายได้จากโฆษณาและแอป Bloatware ที่ติดตั้งไว้ในระบบ โดยเฉลี่ยแล้ว HyperOS หรือ MIUI มักมีแอปติดตั้งล่วงหน้าประมาณ 49-51 แอป
แอปที่พัฒนาโดย Xiaomi: 6-8 แอป
แอปจากนักพัฒนารายอื่น: 6-7 แอป
สกินที่พัฒนาโดย Tecno มักได้รับคำวิจารณ์ว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานช้าและมีอาการแล็กสูง ในด้าน Bloatware ระบบนี้ติดตั้งแอปไว้ล่วงหน้าถึง 51 แอป
แอปจากนักพัฒนารายอื่น: 6-7 แอป
ระบบสกินจาก Infinix มีผลตอบรับคล้ายกับ HiOS ของ Tecno โดยประมวลผลได้ช้ากว่าและมีแอปติดตั้งล่วงหน้าประมาณ 55 แอป
แอปที่พัฒนาโดย Infinix: 16 แอป
แอปจากนักพัฒนารายอื่น: 2-3 แอป
สกินจาก realme มีแอปติดตั้งไว้ในระบบทั้งหมดประมาณ 58 แอป
แอปจาก realme: 12 แอป
แอปจากนักพัฒนารายอื่น: 2-3 แอป
สกินจาก vivo มีแอปติดตั้งไว้ตั้งแต่แรกเริ่มประมาณ 55-60 แอป โดยรุ่นราคาถูกมักมีแอป Bloatware มากกว่า
แอปจาก vivo: 10-11 แอป
แอปจากนักพัฒนารายอื่น: 5-10 แอป
สกินจาก OPPO มีจำนวน Bloatware สูงที่สุดในกลุ่มนี้ โดยเฉลี่ยแล้วมีแอปติดตั้งล่วงหน้าประมาณ 63 แอป
แอปจาก OPPO: 11 แอป
แอปจากนักพัฒนารายอื่น: 12-14 แอป
สรุป
ระบบปฏิบัติการที่มาพร้อม Bloatware จำนวนมากมักส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล โดยเฉพาะในสมาร์ตโฟนรุ่นราคาประหยัด หากผู้ใช้งานต้องการลดผลกระทบ สามารถลบหรือปิดการใช้งานแอปเหล่านี้ รวมถึงพิจารณาติดตั้งระบบใหม่เพื่อลด Bloatware ที่ไม่จำเป็นได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง