SHORT CUT
หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ใช้เทคโนโลยี AI เสริมทัพการเฝ้าระวังและลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อช่วยตรวจจับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ขณะที่โรงเรียน จำนวนมากขึ้นกำลังมาใช้เทคโนโลยี AI ตรวจจับอาวุธปืนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในสถานศึกษา หวังป้องกันเหตุกราดยิง
หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ใช้เทคโนโลยี AI เสริมทัพการเฝ้าระวังและลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อช่วยตรวจจับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ขณะที่โรงเรียนและสถานศึกษาในสหรัฐฯ จำนวนมากขึ้นกำลังมาใช้เทคโนโลยี AI ตรวจจับอาวุธปืนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในสถานศึกษาและหวังป้องกันเหตุกราดยิง
โรงเรียนคาร์ดินัล โลคัล สคูล (Cardinal Local Schools) ในเขตจีเอากา เคาน์ตี (Geauga County) รัฐโอไฮโอของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในโรงเรียนแห่งล่าสุดที่เพิ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตรวจจับอาวุธปืนที่มองเห็นได้โดยอัตโนมัติ ในมาตรการรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษาในเขต โดยหวังว่าจะสามารถช่วยสกัดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนถึงหน้าประตูโรงเรียน
เทคโนโลยีดังกล่าวเรียกว่า “Zeroeyes” ซึ่งใช้ประโยชน์จากการตรวจจับความเคลื่อนไหวผ่านกล้องรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนที่มีอยู่เดิม ผสานเข้ากับ AI ในการระบุชนิดอาวุธปืนที่มองเห็นได้ ก่อนแจ้งเตือนไปยังผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที
“จอห์น สต็อดดาร์ด” (John Stoddard) ผู้อำนวยการเขตการศึกษาเบิร์กเชียร์ที่นำร่องใช้ระบบนี้ครั้งแรกตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2023 เปิดเผยว่า หลังจากดาวน์โหลด Zeroeyes เข้าไปในกล้องวงจรปิดของสถานศึกษาในพื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะได้รับการแจ้งเตือนภายใน 3 – 5 วินาที เมื่อมีการระบุชนิดอาวุธ ซึ่งเวลาทุกวินาทีหมายถึงชีวิตที่อาจช่วยได้
ส่วนโรงเรียนในเขตสตาร์ก เคาน์ตี (Stark County) ในละแวกใกล้เคียง เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว แต่หน่วยงานรักษาความปลอดภัยหวังว่า โรงเรียนในเขตการศึกษาทั่วทั้งเคาน์ตีในรัฐโอไฮโอจะเข้าร่วมโครงการนี้ในเร็ววัน เหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนเอกชนในเมืองเมดิสัน รัฐวิสคอนซิน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่าการรักษาความปลอดภัยกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขตการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างไร
ข้อจำกัด
อย่างไรก็ตาม แม้แต่เครื่องมือ AI รวมถึง Zeroeyes ก็มีข้อจำกัดเช่นเดียวกัน เนื่องจากกล้องไม่สามารถตรวจจับอาวุธปืนที่ถูกซุกซ่อนอยู่ได้ ทำให้เขตการศึกษาจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย
“ทิม ดิมอฟฟ์” (Tim Dimoff) ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย เปิดเผยว่า Zeroeyes เป็นส่วนเสริมของการรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่เดิม รวมถึง ระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ กล้องอื่น ๆ ระบบควบคุมการเข้าออก และฟิล์มติดกระจกกันกระสุน ตลอดจน เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม ประกอบกับการตรวจตราที่เข้มงวด
ส่วนเทคโนโลยีที่สามารถช่วยในการระบุอาวุธที่ซ่อนอยู่ ได้แก่ เทคโนโลยีที่เรียกว่า Evolve ซึ่งจะสแกนบุคคลที่เดินผ่านได้ว่ามีวัตถุต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ตรงจุดใด
ขณะที่ในตอนนี้รัฐบาลของรัฐและรัฐบาลกลางกำลังจัดหาเงินทุนและเงินช่วยเหลือด้านความปลอดภัยสำหรับสถานศึกษา เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย และงบประมาณส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้กับเทคโนโลยี AI เสริมทัพเครื่องมือที่มีอยู่เดิม แต่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการรักษาปลอดภัยของโรงเรียนและอาคารสาธารณะอื่นๆ ที่ขาดไม่ได้ก็คือมนุษย์
นอกเหนือจาก AI จะถูกนำไปใช้งานด้านการรักษาความปลอดภัยในสถานศึกษาแล้ว ในตอนนี้เทคโนโลยีดังกล่าวยังถูกนำไปใช้งานตามแนวชายแดนของสหรัฐฯ ที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อให้ช่วยตรวจจับขบวนการค้ามนุษย์ ขบวนการลักลอบขนยาเสพติดและผู้อพยพ
เทคโนโลยีใหม่นี้เป็นที่รู้จักในชื่อว่า “กำแพงเสมือน” ของการเฝ้าระวัง ซึ่งหนึ่งในบริษัทที่ให้ความช่วยเหลือในโครงการนี้คือ Airship AI ของ “พอล อัลเลน” (Paul Allen) ที่ระบุว่า กล้องและกำแพงไม่เพียงพอต่อการจัดการกับปัญหาการข้ามแดนที่ผิดกฎหมายและเหตุอาชญากรรมตลอดระยะทาง 2,000 ไมล์หรือราว 3,219 กิโลเมตร แต่ AI สามารถเฝ้าดูกล้องนับร้อยหรือหลายพันตัวและตรวจจับความผิดปกติที่น่าสนใจสำหรับเจ้าหน้าที่ได้
เทคโนโลยีของ Airship AI สามารถตรวจสอบฟีดจากกล้องสำหรับวัตถุที่รู้จัก รวมถึง ยานพาหนะและบุคคล เพื่อแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันก็ช่วยวางแผนเส้นทางที่ผู้ลักลอบขนของเถื่อนอาจเลือกใช้ นอกจากนี้ AI ยังสามารถปรับตัวตามแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้อพยพ ผู้ลักลอบขนของเถื่อนและผู้ค้ายา ซึ่งตอบสนองต่อการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ เช่น การสร้างแนวกั้นชั่วคราว โดยการเปลี่ยนสถานที่และวิธีที่ข้ามพรมแดน
ด้านโฆษกของหน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ (CBP) เปิดเผยว่า หน่วยงานได้สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและนำระบบใหม่ ๆ มาเสริมทัพเทคโนโลยีเดิม และทำหน้าที่เป็นตัวคูณกำลังรบสำหรับตัวแทนและเจ้าหน้าที่ รวมถึง การติดตั้ง Autonomous Surveillance Towers (AST) หรือหอเฝ้าระวังอัตโนมัติสุดล้ำสมัยกว่า 300 แห่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งใช้ประโยชน์จาก AI ในการระบุความเคลื่อนไหวต้องสงสัยตามแนวชายแดนและแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ให้ตอบสนองได้อย่างทันท่วงที
ต้องวางเรื่องการเมืองไว้ก่อน
บริษัท Airship AI ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่ร่วมงานกับกระทรวงความมั่นคงภายในของสหรัฐฯ (DHS) ในการรักษาความปลอดภัยชายแดน ตั้งความหวังว่า ฝ่ายบริหารของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่กำลังจะเข้ามาใหม่ จะให้ความสำคัญกับการลงทุนด้าน AI อย่างจริงจัง แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลานานกว่า 4 ปีในการดำเนินการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ตาม
บริษัททุ่มเงิน 105 ล้านดอลลาร์หรือราว 3,601 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่กระทรวงความมั่นคงภายในของสหรัฐฯ สามารถนำไปใช้งานได้ และกระทรวงฯ ให้คำมั่นที่จะนำเทคโนโลยีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามแนวชายแดนรูปแบบใหม่มาใช้ รวมถึง การวางระบบบริเวณท่าผ่านแดน
ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง “ โดนัลด์ ทรัมป์” ให้คำมั่นว่าจะจ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนเพิ่มอีกหลายพันนาย ขณะที่ “ทอม โฮมาน” บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชายแดนในรัฐบาลชุดใหม่ ประกาศว่า พื้นที่ตามแนวชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโกจะมั่นคงปลอดภัย และการข้ามแดนผิดกฎหมายจะหมดไปโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม “พอล อัลเลน” (Paul Allen) ทิ้งท้ายว่า แค่วางประเด็นทางการเมืองและใช้เครื่องมือของหน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ต่อไป ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนทำงานได้ แทนที่จะรู้สึกว่าถูกขัดขวางจากการถูกตรวจสอบที่มากเกินไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง