svasdssvasds

Toyota ใช้ AI ควบคุมรถยนต์ Drift 2 คันพร้อมกัน ครั้งแรกของโลก!

Toyota ใช้ AI ควบคุมรถยนต์ Drift 2 คันพร้อมกัน ครั้งแรกของโลก!

Toyota ยกระดับ AI ไปอีกขั้น สามารถควบคุมรถยนต์ได้แบบไม่ใช่แค่วิ่งเพียงแค่ทางตรง ในครั้งนี้สามารถบังคับรถ 2 คันให้ดริฟต์คู่กันได้เป็นครั้งแรกของโลก!

SHORT CUT

  • ยกระดับ AI ไปอีกขั้น สามารถควบคุมรถยนต์ได้แบบไม่ใช่แค่วิ่งเพียงแค่ทางตรงควบคุมรถ 2 คันให้ Drift คู่กันได้แบบอัตโนมัติ
  • การทดสอบนี้เกิดขึ้นที่สนามแข่ง ธันเดอร์ฮิลล์ เรซเวย์ ปาร์ค AI จะต้องควบคุมการขับขี่ของรถยนต์ทั้งสองคัน
  • มาจากการพัฒนาโครงข่ายประสาทเทียมของ AI ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว การเว้นระยะห่างโดยที่ไม่มีการควบคุมจากมนุษย์แม้แต่นิดเดียว

Toyota ยกระดับ AI ไปอีกขั้น สามารถควบคุมรถยนต์ได้แบบไม่ใช่แค่วิ่งเพียงแค่ทางตรง ในครั้งนี้สามารถบังคับรถ 2 คันให้ดริฟต์คู่กันได้เป็นครั้งแรกของโลก!

ใช้ AI ควบคุมรถยนต์ Drift 2 คันพร้อมกัน

สถาบันวิจัย Toyota และทีมวิศวกรจาก มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford Engineering) ในสหรัฐอเมริกา ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) ในการควบคุมรถ 2 คันให้ Drift คู่กันได้แบบอัตโนมัติ ความสำเร็จในครั้งนี้ก็เพื่อนำข้อมูลที่ได้ ไปใช้พัฒนาระบบการขับขี่ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

Stanford University School of Engineering

โดยปกติจะเพียงแค่ใช้ AI ให้บังคับไปทางตรงเท่านั้น แต่ตอนนี้สามารถสั่งให้ควบคุมรถ Drift คู่กันได้แล้ว การทดสอบนี้เกิดขึ้นที่สนามแข่ง ธันเดอร์ฮิลล์ เรซเวย์ ปาร์ค (Thunderhill Raceway Park) ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

เป็นการทดสอบ tandem drifting โดย AI จะต้องควบคุมการขับขี่ของรถยนต์ทั้งสองคัน ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว การเว้นระยะห่าง และการตีวงโค้งของการดริฟต์ให้สำเร็จ โดยที่ไม่มีการควบคุมจากมนุษย์แม้แต่นิดเดียว

Stanford University School of Engineering

ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากการพัฒนาโครงข่ายประสาทเทียมของ AI ร่วมกับระบบนำทางด้วย GPS ทั้งหมดนี้ก็เพื่อใช้ในการคำนวณความเร็ว ทิศทาง และการควบคุมตัวรถให้สามารถทำการดริฟต์รถยนต์ตามแผน โดยเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงถึง 35 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 57 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการควบคุมรถยนต์แบบอัตโนมัติ

Stanford University School of Engineering

ใช้เวลากว่า 7 ปีระหว่างทั้งสององค์กร

ความสำเร็จนี้ เกิดขึ้นหลังจากการวิจัยและพัฒนาร่วมกันเกือบ 7 ปีระหว่างทั้งสององค์กร โดยเป็นการต่อยอดแนวคิด ในการพัฒนา AI ให้มีทักษะระดับสูงในการควบคุมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ท่ามกลางสภาวะการขับขี่ที่เป็นอันตราย เช่น การขับขี่บนท้องถนนที่ลื่นไถล การเบรก การเลี้ยว แบบกระทันหัน หรือการขับขี่หลบสิ่งกีดขวางที่แม่นยำขึ้น

สุดท้ายทีมวิจัยกล่าวว่า สิ่งที่ทีมได้เรียนรู้จากการทดสอบนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ในการควบคุมยานพาหนะอัตโนมัติที่ทำได้มากกว่าแค่การขับขี่ทั่วไป โดยเป้าหมายสูงสุดคือการนำเทคโนโลยีไปใช้กับยานยนต์ไร้คนขับให้มีความเข้าถึงได้ง่ายดายยิ่งขึ้น และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี้บนท้องถนนได้อีกด้วย

ที่มา : newatlashypebeastnews

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related