svasdssvasds

รู้จัก One ID One Ticket ของการรถไฟฯ ระบุตัวตนก่อนจอง ป้องกันมิจฉาชีพ!

รู้จัก One ID One Ticket ของการรถไฟฯ ระบุตัวตนก่อนจอง ป้องกันมิจฉาชีพ!

การรถไฟฯ เปิดใช้ระบบจองตั๋วโดยสารแบบ “One ID One Ticket : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ใช้บริการ”  ดูแลความปลอดภัย และเพิ่มโอกาสให้กับผู้โดยสารที่ต้องการจะเดินทาง เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้

SHORT CUT

  • เปิดใช้ระบบจองตั๋วโดยสารแบบ “One ID One Ticket : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ใช้บริการ”  ดูแลความปลอดภัย 
  • หรือ บัตรประชาชน 1 บัตร ต่อตั๋วโดยสาร 1 ฉบับ มาใช้กับการจองและซื้อตั๋วโดยสารเพื่อดูแลความปลอดภัยในการให้บริการ
  • สามารถจองตั๋วได้ทั้งตั๋วโดยสารรถไฟ และตั๋วโดยสารรถ บขส. ซึ่งถือเป็นการเชื่อมโยงการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ

การรถไฟฯ เปิดใช้ระบบจองตั๋วโดยสารแบบ “One ID One Ticket : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ใช้บริการ”  ดูแลความปลอดภัย และเพิ่มโอกาสให้กับผู้โดยสารที่ต้องการจะเดินทาง เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้

“One ID One Ticket : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ใช้บริการ”

ล่าสุด การรถไฟฯ ได้ยกระดับการให้บริการเพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล สำหรับการให้บริการแก่ประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการนำระบบ “One ID One Ticket : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ใช้บริการ” หรือ บัตรประชาชน 1 บัตร ต่อตั๋วโดยสาร 1 ฉบับ มาใช้กับการจองและซื้อตั๋วโดยสารเพื่อดูแลความปลอดภัยในการให้บริการแก่ประชาชน ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการเดินทางให้กับผู้โดยสารที่มีความต้องการจะเดินทาง โดยเริ่มเปิดใช้ระบบการจองตั๋วแบบ “One ID One Ticket” ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 

รู้จัก One ID One Ticket ของการรถไฟฯ ระบุตัวตนก่อนจอง ป้องกันมิจฉาชีพ!

ทั้งนี้ ระบบ One ID One Ticket ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถจองตั๋วได้อย่างปลอดภัย เพราะมีขั้นตอนการระบุตัวตนก่อนทำการจองตั๋วทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังเป็นการป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพ นำตั๋วโดยสารไปจำหน่ายในราคาที่สูงกว่า และที่สำคัญยังสามารถใช้ยืนยันสิทธิ์รับความคุ้มครอง กรณีเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางที่จะครอบคลุมผู้โดยสารที่มีชื่อตรงกับตั๋วโดยสารอีกด้วย

รู้จัก One ID One Ticket ของการรถไฟฯ ระบุตัวตนก่อนจอง ป้องกันมิจฉาชีพ!  

สำหรับหลักเกณฑ์การจองตั๋วแบบ “One ID One Ticket : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ใช้บริการ” สามารถเลือกสำรองที่นั่งได้ทุกช่องทาง ทั้งผ่านระบบการจองตั๋วออนไลน์ D-Ticket หรือที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ โดยกำหนดให้ตั๋วโดยสารทุกใบจะต้องมีชื่อและเลขบัตรประชาชน ตรงกับบัตรประชาชนของผู้เดินทาง 

และใช้เฉพาะการจองตั๋วขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนรถด่วน ขบวนรถเร็ว ขบวนรถนำเที่ยว ไม่นับรวมขบวนรถระยะสั้น เช่น ขบวนรถชานเมือง ขบวนรถท้องถิ่น  ส่วนหากมีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการเดินทาง ผู้โดยสารสามารถทำเรื่องคืนตั๋วโดยสารได้ตามหลักเกณฑ์ที่การรถไฟฯ กำหนด  

นายเอกรัชกล่าวว่า ในอนาคตการรถไฟฯ ได้เตรียมหารือร่วมกับ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เพื่อบูรณาการเชื่อมโยงการเดินทางขนส่งสาธารณะเข้าด้วยกัน โดยการจัดทำระบบ “One ID One Ticket” ที่ใช้รหัสสมาชิกเพียงรหัสเดียว

รู้จัก One ID One Ticket ของการรถไฟฯ ระบุตัวตนก่อนจอง ป้องกันมิจฉาชีพ!

สามารถจองตั๋วได้ทั้งตั๋วโดยสารรถไฟ และตั๋วโดยสารรถ บขส. ซึ่งถือเป็นการเชื่อมโยงการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ อย่างไร้รอยต่อ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม 

ท้ายนี้ การรถไฟฯ มีความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาช่วยพัฒนาการให้บริการในด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทุกคนได้เข้าถึงการบริการได้อย่างสะดวก และเท่าเทียมกัน โดยปัจจุบัน ได้เปิดให้สำรองตั๋วโดยสารผ่านทั้งช่องทางจำหน่ายตั๋ว

Mobile Application : SRT D-Ticket หรือช่องทาง Website D-Ticket :https://www.dticket.railway.co.th หรือช่องทางจำหน่ายตั๋วที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้บริการตรวจสอบสถานะ ตำแหน่ง และเวลาของขบวนรถในการถึงจุดหมายปลายทาง ผ่านระบบ TTS (Train Tracking System) : https://ttsview.railway.co.th 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related