SHORT CUT
ดูเหมือนอีลอน มัสก์ จะมีอีกเหตุผลหนึ่งที่จะเกลียด OpenAI หลัง Figure ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ร่วมมือกับ OpenAI พัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ปล่อยวิดีโอใหม่ ที่โชว์เหนือหุ่นยนต์ Optimus ของ Tesla ไปหลายขุม
หุ่นยนต์ Figure 01 หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่พัฒนาก้าวข้ามไปอีกขั้น ถูกขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้หุ่นยนต์ตัวนี้สามารถเรียนรู้ โต้ตอบ และช่วยเหลืองานมนุษย์ ทำงานต่างๆได้แบบอัตโนมัติ เรียกได้ว่าอนาคตอาจเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ ล่าสุด วิดีโอจาก Figure บน YouTube แสดงให้เห็นว่า มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับหุ่นยนต์ Figure 01 ด้วยการสนทนาที่ฟังดูเป็นธรรมชาติกับหุ่นยนต์
มนุษย์ที่เป็นผู้ทดสอบจึงขอให้ Figure 01 ทำ ซึ่งมันก็ได้หยิบถ้วยขึ้นก่อนแล้วพลิกกลับด้านก่อนที่จะวางลงในตำแหน่ง แม้จะความล่าช้าบ้างในขณะที่หุ่นยนต์ประมวลผลคำสั่ง แต่มันก็ดำเนินการตามคำสั่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ความก้าวหน้าของการพัฒนาที่หุ่นยนต์ Figure ถือว่ารวดเร็วมาก หลังจาก Brett Adcock เปิดตัวบริษัทเมื่อปีที่แล้ว หลังจากรวบรวมหัวกะทิหลักหลายคนจาก Boston Dynamics, Tesla Google DeepMind และ Archer Aviation เพื่อ "สร้างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์อเนกประสงค์เชิงพาณิชย์ตัวแรกของโลก"
ภายในเดือนตุลาคมหุ่นยนต์ Figure 01 ก็พร้อมดำเนินการและทำงานอัตโนมัติขั้นพื้นฐานได้แล้ว เมื่อถึงช่วงปลายปี หุ่นยนต์มีความสามารถในการรับชมและเรียนรู้ และพร้อมที่จะร่วมงานกับ BMW ภายในกลางเดือนมกราคม
Adcock ยืนยันในโพสต์ X ว่ากล้องในตัวของ หุ่นยนต์ Figure 01 ส่งข้อมูลไปยังโมเดลภาษาการมองเห็นขนาดใหญ่ที่ได้รับการฝึกโดย OpenAI ในขณะที่โครงข่ายประสาทเทียมของ Figure เองก็ "ถ่ายภาพด้วยความถี่ 10 Hz ผ่านกล้องบนหุ่นยนต์" OpenAI ยังเสริมความสามารถในการเข้าใจคำพูด และข้อมูลทั้งหมดที่ไหลเข้ามานี้ถูกแปลงเป็น "การกระทำของหุ่นยนต์ที่รวดเร็ว และคล่องแคล่ว" โดยโครงข่ายประสาทเทียมของ Figure
เขายืนยันว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกควบคุมไกลระหว่างการสาธิต และวิดีโอถูกถ่ายด้วยความเร็วจริง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอันน่าทึ่ง
ขณะที่อีลอน มัสก์ ได้ประกาศถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ของเขาในปี 2021 โดยหุ่นยนต์ Optimus ของ Tesla สามารถเดินไปรอบๆ หยิบไข่ และแม้กระทั่งพับผ้า แต่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่ามีคนใช้เทเลโอเปอเรชั่น ด้วยการเคลื่อนไหว ให้ Optimus เลียนแบบ จึงทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่า Figure 01 มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่ามาก
ที่มา