svasdssvasds

ท๊อป จิรายุส เผย ปี 2024 ปีของการใช้ AI ของจริง เทรนด์โลกคือ "Digital และ Green"

ท๊อป จิรายุส เผย ปี 2024 ปีของการใช้ AI ของจริง เทรนด์โลกคือ "Digital และ Green"

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้พูดในหัวข้อ "AI ขับเคลื่อนธุรกิจ" ภายในงาน Next Step Thailand 2024 อนาคตประเทศไทยก้าวต่อไปของนวัตกรรมและความยั่งยืน

SHORT CUT

  • ท็อป จิรายุส ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เผยว่า หากบริษัทไหนองค์กรไหน ไม่มีคำว่า "Digital" และ "Green" บริษัทนั้นจะไม่มีความสำคัญอีกต่อไปใน 10 ปีข้างหน้า
  • ปี 2023 เป็นปีของการ “ทดลองเล่น AI” แต่ปี 2024 เป็นปีของการใช้งานจริงของเทคโนโลยี AI สังเกตได้จากองค์กร , แอปพลิเคชันต่างๆ ได้มีฟังก์ชันใหม่ๆที่ใช้ AI เข้ามาช่วย
  • ปีที่แล้วโลกของเราไม่ได้โตขึ้นเลย จริงๆโลกของเราโตถอยหลังด้วยซ้ำ ซึ่งขณะนี้เราได้ Max Out Potential ของอินเทอร์เน็ตไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่านมา

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้พูดในหัวข้อ "AI ขับเคลื่อนธุรกิจ" ภายในงาน Next Step Thailand 2024 อนาคตประเทศไทยก้าวต่อไปของนวัตกรรมและความยั่งยืน

ท๊อป จิรายุส ได้เปิดเผยประสบการณ์การที่ได้มีโอกาสไปประชุมที่ World Economic Forum 2024 ซึ่งได้พูดในหัวข้อ AI ขับเคลื่อนธุรกิจ ดังนี้ 

"ถ้าวันนี้ บุคคลไหนหรือบริษัทไหน ไม่มีคำว่า Digital และ Green บุคคลนั้นบริษัทนั้นประเทศนั้นจะไม่มีความสำคัญอีกต่อไปใน 10 ปีข้างหน้า" 

ปัจจุบันตอนนี้โลกของเราได้เข้าสู่ Chapter ใหม่เรียบร้อยแล้ว ไม่เหมือนโลกที่เราเกิดขึ้นมา ซึ่งในอดีตเราเกิดขึ้นมาในยุค Industrial Revolution ซึ่งยุคนี้เราอยู่ในยุค Internet Century เพราะฉะนั้นโลกธุรกิจจะเปลี่ยนไป 

ท๊อป จิรายุส เผย ปี 2024 ปีของการใช้ AI ของจริง เทรนด์โลกคือ \"Digital และ Green\"

อย่างแรกที่จะเปลี่ยนคือ Portion ของ GDP ซึ่งคนไทยจะคุ้นชินกับคำว่า Physical Trade เช่น การส่งออกยางพารา การส่งออกข้าว ซึ่งเคยเป็นสินค้าที่จับต้องได้ แต่กลับกันในเวทีโลกปัจจุบันปีล่าสุด อันดับที่ 1 คือ Digital Trade , อันดับสองคือ Service Trade และอันดับสาม Digital Service Trade ซึ่ง AI จะมาช่วย Productivity มหาศาล อันดับที่สี่คือ Green Trade โตถึง 300% หรือ 3 เท่าตัว

ซึ่งดู Portion ของ GDP ไทยส่วนใหญ่มากจาก Physical Trade เมื่อก้าวสู่ยุคใหม่เราจะต้องให้ความสำคัญกับ Digital Trade, Service Trade, Digital Service Trade และ Green Trade มากยิ่งขึ้น โดยทั้งหมดนี้เรียกว่า Digital & Green Revolution

ท๊อป จิรายุส เผย ปี 2024 ปีของการใช้ AI ของจริง เทรนด์โลกคือ \"Digital และ Green\"

ไม่ใช่แค่ GDP ของโลกที่จะเปลี่ยนไป แต่ Productivity หรือความสร้างสรรค์ใหม่ๆก็จะเกิดขึ้น ซึ่งในเวที World Economic Form 2024 ปีนี้ ได้เปิดเผยว่า ในปีที่โลกของเราไม่ได้โตขึ้นเลย จริงๆโลกของเราโตถอยหลังด้วยซ้ำ ซึ่งขณะนี้เราได้ Max Out Potential ของอินเทอร์เน็ตไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งฝั่งของจีนจะโตต่อไปได้โดยกลุ่มคนที่เรียกว่า Internal Driver หรือ Chinese middle class ประชากรทั้งหมด 400 ล้านคน เป็นเศรษฐีใหม่ จะเพิ่มขึ้นและกลายเป็น 800 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ประเทศจีนเติบโตต่อเนื่องในอีก 10 ปี ข้างหน้า

ปี 2023 เป็นปีของการ “ทดลองเล่น AI” แต่ปี 2024 เป็นปีของการใช้งานจริง ของเทคโนโลยี AI สังเกตได้จากองค์กร , แอปพลิเคชันต่างๆ ได้มีฟังก์ชันใหม่ๆที่ใช้ AI เข้ามาช่วย

ท๊อป จิรายุส เผย ปี 2024 ปีของการใช้ AI ของจริง เทรนด์โลกคือ \"Digital และ Green\"

ซึ่งปัจจุบันมีฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น Microsoft มี Microsoft Copilot ที่จะเพิ่ม Productivity ที่จะมี AI อยู่ใน Microsoft Teams ,Excel

การที่มี Generative AI เข้ามาในโลก จะมี Blue Collar และ White Collar ซึ่งมีผลกระทบพอๆกัน แต่ White Collar จะได้รับผลกระทบมากกว่า แต่ฝั่ง Blue Collar กลับได้รับประโยชน์มากขึ้น

ท๊อป จิรายุส เผย ปี 2024 ปีของการใช้ AI ของจริง เทรนด์โลกคือ \"Digital และ Green\"

มีคีย์เวิร์ดสองคำสำคัญที่เกิดขึ้นในปี 2024 นี้ คือ Automation จะถูกใช้กับ White Collar และ Augmentation จะถูกใช้กับ Blue Collar

Blue Collar คือ บุคคลที่มีรายได้ต่ำ ใช้แรงแลกกับเงิน ยกตัวอย่าง บริษัท Gucci ใช้ AI กับ Customer Support Team และสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็น Sales Team และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมหาศาล

White Collar คือ คนที่ทำงานในออฟฟิศ จะถูกวิเคราะห์ Job Description หรือรายละเอียดของงาน เช่น Marketing Manager ต้องทำอะไรบ้าง และดูว่า AI สามารถ Automate หรือช่วยอะไรในการทำงานได้บ้าง

สิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนไปในองค์กรคือการควบรวมกันระหว่างตำแหน่งงาน และต้อง Re-Skill ตัวเองที่สามารถ Re-Bundle เป็นตำแหน่งใหม่ ซึ่งจากบริษัทจะใช้คนน้อยลงและนำ AI เข้ามาใช้มากขึ้น และนั่นจะทำให้บริษัทสามารถสร้าง Productivity ได้เพิ่มขึ้นมหาศาล

นอกจากเรื่องอาชีพและการงานที่เปลี่ยนไป ในเรื่องข้อตกลงหรือ Agreement ของทั่วโลก ก็จะมี AI เข้ามาช่วยจัดการ Data และ System ให้เชื่อมต่อกันง่ายขึ้น

ซึ่งในอนาคตจะมี Digital Doctor , Digital Moderator แต่อย่างไรก็ตามต้องข้ามผ่าน Trust หรือความเชื่อ คนต้องกล้าใช้จริงๆ ปัจจุบันก็ยังมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องความน่าเชื่อถือของ AI ซึ่งต้องกำหนดข้อกฎหมายและข้อตกลงกันต่อไปในอนาคต

related