หลังจากมีข่าวว่า Sam Altman ซีอีโอของ openAI ถูกไล่ออกเมื่อวันพฤหัสผ่านข้อความ SMS จากบอร์ดผู้บริหาร ผ่านไปเพียง 2 วัน ก็มีแรงต่อต้านจากพนักงาน จนอาจต้องเรียกเขากลับมารับตำแหน่งต่อ เพราะคนในทีมไม่ยอมรับการถูกให้ออกครั้งนี้
กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับวงการเทคโนโลยี เพราะซีอีโอผู้บุกเบิกและนักสร้าง AI อย่าง Sam Altman ถูกไล่ออกแบบกะทันหัน ที่เรียกได้ว่าตัวของเขาเองก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจากบอร์ดบริหาร ซึ่งตามปกติการลาออกหรือไล่ออกในตำแหน่งสูงสุดนี้ จะต้องเป็นมติเห็นชอบจากเหล่าผู้ถือหุ้นและต้องรักษาการในตำแหน่งเดิมอย่างน้อย 2-3 ปี เพื่อเดินหน้างานให้สำเร็จและวางตัวคนรับตำแหน่งแทน ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนก่อนจะมีการปรับเปลี่ยนใดๆ
17 พ.ย.2566 : แซม ได้รับข้อความ SMS จากหนึ่งในบอร์ดบริหารของบริษัท OpenAI อย่าง Ilya ว่าจะขอประชุมบอร์ดช่วงเที่ยงของวันที่ 18 พ.ย. 2566 ซึ่งมีบอร์ดทุกคนได้เข้าร่วมประชุมยกเว้น Greg Brockman ที่เป็น Co-Founder เนื้อหาในการประชุมคือ ไล่แซมออกจากการซีอีโอ
18 พ.ย. 2566 : Greg ซึ่งเป็นประธานบอร์ดได้ส่งข้อความ SMS จาก Ilya ว่าขอคุยด้วย ซึ่งเนื้อหาที่ Greg ได้รับคือเขาถูกปลดออกจาการเป็นประธานบอร์ด แต่ยังได้ทำงานที่บริษัทต่อไปได้ และรายงานขึ้นตรงต่อ CEO รักษาการณ์ คือ Mira Murati ซึ่งเป็น CTO อยู่
จากเรื่องราวนี้ Greg ระบุว่า เขาไม่ได้ทราบเรื่องนี้มาก่อน นอกจากเรื่องที่ Mira มานั่งรักษาการณ์ CEO ต่อจาก แซม ซึ่งเธอเองก็ทราบเรื่องในคืนก่อนหน้าที่บอร์ดจะไล่ แซม ออก
ประธานบอร์ดอย่าง Greg ก็ทราบว่าตัวเองถูกปลดจากตำแหน่งผ่านทางแถลงการณ์บน Blog ของบริษัทว่ามีการไล่ซีอีโอออก ซึ่งตัวเขาเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกและไม่สมเหตุสมผล
ทางด้านของซีอีโอของไมโครซอฟท์อย่าง Satya Nadella ก็ไม่น่าจะทราบเรื่องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งมาก่อน เพราะหลังจากมีกระแสข่าวออกมาก็รีบแถลงชี้แจงว่า "การทำงานระหว่าง Microsoft และ OpenAI ยังเป็นไปตามเดิม" ซึ่งไมโครซอฟท์ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ OpenAI และหลังจากข่าวนี้ถูกปล่อยออกมา ราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ก็ร่วงลงทันทีแต่ตัวเลขไม่เยอะมากเพราะติดวันหยุดพอดี
แม้แรงกระทบจะยังไม่ชัด แต่การเด้งซีอีโออย่าง แซม ออกไปส่งผลต่อคนทำงานภายในบริษัท OpenAI อย่างชัดเจน เมื่อมีพนักงานในตำแหน่งสำคัญของบริษัทหลายคนตบเท้าลาออกและต้องการไปตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับแซมทันที และถ้า OpenAI ขาดทีมงานส่วนนี้ไปย่อมเกิดผลกระทบใหญ่ต่อการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างแน่นอน
หากย้อนกลับไปก่อนเกิดการปรับเปลี่ยนตัวนั้น ทาง Sam เพิ่งจะมีการประกาศเปิดตัว GPT4 Turbo ซึ่งเก่งและฉลาดกว่า ChatGPT แบบเดิม รวมทั้งอนุญาตให้ผู้ใช้งานสร้างแชตบอตของตนเองได้แบบไม่ต้องทำ Coding ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักออกแบบที่ไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมมิ่งเชิงลึก
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของ OpenAI เน้นไปในทางไม่แสวงหากำไรและพัฒนาเอไอเพื่อมนุษยชาติ แม้จะได้รับเงินลงทุนจากไมโครซอฟท์และนักลงทุนรายย่อย แต่บริษัทเหล่านี้ก็นำไปใช้ต่อยอดในธุรกิจของตนเอง และแซมก็เตรียมเปิดรับการระดมทุนเพิ่มอีก คาดว่านี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บอร์ดบริหารไม่พอใจก็เป็นได้
ทางด้านประวัติของ Sam นั้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีอย่างมาก
ความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนั้น ต้องรอดูในสัปดาห์หน้าว่าตลาดหุ้นและบอร์ดบริหารจะมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งหรือไม่
ที่มา : Posttoday, FB Monsak, Brand Buffet, The Verge, ARS Technica
ภาพ : unsplash
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม