Bitkub มองการเติบโตของ AI อำนวยความสะดวก แต่เสี่ยงเรื่อง Fake Everthing

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง ได้ขึ้นพูดในงาน กรุงเทพธุรกิจ AI Revolution ในช่วงสเปเชียลทอล์ค AI เปลี่ยนโลกธุรกิจ ว่า สิ่งที่ทุกคนกังวล คือการที่ AI จะเข้ามากระทบในหลายอุตสาหกรรมมากๆ และทั่วโลกก็มีความกังวลเรื่องนี้เช่นกัน

หลายผลสำรวจและสถิติอีกมากมาย วิเคราะห์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า 44% ของทักษะและความสามารถของมนุษย์เราจะใช้งานไม่ได้แล้ว เพราะ AI กำลังจะมาแทนที่ทักษะต่างๆ ของมนุษย์

นอกจากนี้ ⅓ ของประชากรโลกใน 10 ปีข้างหน้า ต้องกลับไปเรียนหนังสือใหม่ เพื่อ reskill ความรู้ให้มากขึ้นและสร้างสรรค์ขึ้น แต่ไม่มีผลสำรวจไหนบอกว่า สิ่งที่เราต้องพัฒนาเพิ่มคืออะไรที่เป็นฮาร์ดสกิล นั่นเป็นเพราะเรื่องเทคนิคยากๆ ข้อมูลมากๆ AI ได้เข้ามาทำงานแทนเราหมดแล้ว

ดังนั้น สิ่งที่เราควรพัฒนาให้ดีมากกว่าหุ่นยนต์ คือการมีทักษะในการสื่อสารที่ดีขึ้น การวิเคราะห์วางแผนและบริหารงานที่ดีขึ้น รวมทั้งทักษะการทำงานเป็นทีมให้ดีขึ้น สิ่งที่เป็นเรื่องของอารมณ์และจิตใจต่างหาก ที่จะทำให้มนุษย์ของเรายังมีงานทำ มีชีวิตที่อยู่รอดได้

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

• Bitkub จับมือ ThaiGPT เปิดตัว Bitkub AI ให้บริการครบจบ ตอบโจทย์ด้านเทคโนโลยี
• Bitkub ออกแถลงชัด "ปลดพนักงานจำนวนมาก" ไม่เป็นความจริง
• เปิดข้อผิดพลาด จากปาก ท๊อป Bitkub ถอดสูตรวิธีการทำธุรกิจจากบริษัทพันล้าน

นอกจากนี้ เราจะเห็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Google Microsoft หรือ Apple มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวก พัฒนามาเป็นเครื่องมือให้ชีวิตของคนอยู่ง่ายขึ้นเยอะมาก เช่น Kanmincle เป็นเครื่องมือ AI Training ที่ทำให้ทักษะทางการศึกษาเปลี่ยนไป

ซึ่งไม่ใช่แค่การใช้ AI สอนนักเรียนแบบ 1:1 แต่สามารถเป็นผู้ช่วยสอนให้แก่คุณครูในการทำงานให้ดีขึ้น รวมทั้งเป็น Personal Teaching ให้ครูมีเพอร์ฟอร์แมนซ์ในการสอนที่ดีกว่าเดิม

นอกจากนี้ ในอีก 5 ปีข้างหน้าก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของ Super App เพราะการเกิดขึ้นของ Vision Pro เพราะ AI จะเข้ามาช่วยในการประมวลข้อมูลทั้งหมดให้เรา แว่นตา AR/VR จะเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับคน

ทั้งนี้ สิ่งที่มนุษย์เราควรกังวลในเรื่องของ AI คือการที่มันฉลาดเกินไปจนเกิด Fake Everything ที่จะปลอมเป็นอะไรก็ได้ และนั่นจะทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั้งโลก 

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือมีการออกกฏหมายควบคุมให้ชัดเจน การที่องค์กรมีแผนการทำงานร่วมกันในอนาคต มองเป็นภาพเดียวกันเพื่อให้องค์กรเกิดประโยชน์สูงสุด