ขณะนี้ EU หรือสหภาพยุโรปได้ทำการเคาะกฎข้อบังคับจริงจังเกี่ยวกับสาย USB-C ซึ่งจะส่งผลให้อุปกรณ์ทั่วโลกรวมถึงเจ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Apple ต้องเปลี่ยนสายอุปกรณ์ต่างๆให้กลายเป็น USB-C ทั้งหมด ซึ่งนั่นจะทำให้อนาคตอีกไม่นาน สายชาร์จของอุปกรณ์ทั้งโลกจะกลายเป็นรูปแบบ
สหภาพยุโรป (EU) ได้กฎบังคับให้บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์สมาร์ทโฟน หรืออื่นๆ เช่น Apple Inc.ให้ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้รองรับช่องเสียบ USB-C ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลกับ iPhone รุ่นหน้า คาดว่าคือ iPhone 15 ที่กำลังจะเปิดตัวในครั้งหน้า
สมาชิกสภานิติบัญญัติทั้งหมด 602 คนโหวตให้แผนดังกล่าวเมื่อวันอังคาร โดย 13 คนไม่เห็นด้วย และอีก 8 คนงดออกเสียง ซึ่งผลออกมาให้กฎบังคับการใช้ USB-C ได้ชนะอย่างขาดลอย
เดิมทีเราคงคุ้นเคยกับสายชาร์จ iPhone ที่เป็น Lighting ที่ไม่สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ใดๆได้บนโลกนี้นอกจากของ Apple แต่กฎข้อบังคับนี้จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆสามารถเชื่อมโยงกันได้ทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มแกดเจ็ทหรือสมาร์ทโฟน
ก่อนหน้านี้อาจยังไม่เห็นภาพ แต่สัญญานเหล่านี้สื่อให้เราเห็นถึงอนาคต “การชาร์จที่ง่ายและสะดวกขึ้น” ไม่จำเป็นต้องพกสายชาร์จหลากหลายหัวอีกต่อไป เพราะมีเพียงสาย USB-C หรือ USB Type C ก็สามารถชาร์จได้ทุกอุปกรณ์ ดังนั้นการปรับกฎหมายข้อบังคับครั้งนี้อาจทำให้การผลิตของแอปเปิลและบริษัทย่อยที่ผลิตสายชาร์จต่างๆเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ข้อดีของการเปลี่ยนของเทคโนโลยีสายชาร์จครั้งนี้ จะส่งผลต่อชีวิตเราอย่างไร?
เนื่องจาก "ค่าครองชีพทั่วโลกสูงขึ้น แต่ราคาเทคโนโลยีถูกลง" นั่นเป็นสาเหตุว่าโลกจะเคลื่อนเข้าสู่ยุคของดิจิทัล การหาเงินผ่านโลกออนไลน์หรือโซเชียลแพลตฟอร์มที่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เทคโนโลยีต่างๆเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต
สัญญานที่ USB-C กำลังจะถูกใช้ทั่วโลก จะทำให้อุปกรณ์ไหนๆก็สามารถใช้สายประเภทเดียวกันได้ แน่นอนว่าจะทำให้การใช้เทคโนโลยีของผู้คนในอนาคตมีความคล่องตัวและสะดวกกว่าในปัจจุบัน เราอาจต้องเตรียมตัวทิ้งสายชาร์จเดิมๆ เพราะอีก 3 ปีอุปกรณ์ทุกชิ้นมีแนวโน้มว่าจะถูกบังคับให้ใช้ USB-C ทั้งหมด