อุบัติเหตุบนท้องถนน กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำให้เกิดความสูญเสียบ่อบครั้ง ทั้งด้านชีวิต จิตใจ และทรัพย์สิน ถ้าอย่างนั้น จะเป็นไปได้ไหมถ้านำ 'เทคโนโลยีตรวจจับพฤติกรรมคนขับ' หรือ Telematics มาใช้เก็บข้อมูล ทั้งรถส่วนตัว รถขนสินค้า รถบริการ รวมถึงพฤติกรรมคนขับ
หากไม่รู้ว่า พฤติกรรมการขับขี่ของเราเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติไหม ระบบ Telematics (เทเลเมติกส์) ที่ใช้เก็บข้อมูลรถ ตรวจจับพฤติกรรมคนขับ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่บอกและรายงานแบบเรียลไทม์ได้ และเช่นเดียวกัน หากรถเกิดอุบัติเหตุก็สามารถบอกได้ว่า ลักษณะการขับขี่ก่อนเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างไร คนขับหลับใน เมาแล้วขับหรือไม่ ฯลฯ
Telematics คืออะไร
Telematics เป็นคำผสมระหว่าง Telecommunication (โทรคมนาคม) และ Information (ข้อมูล, สารสนเทศ) หมายถึง ระบบที่รวบรวมข้อมูลการใช้ยานพาหนะ พฤติกรรมคนขับ ด้วยหลายเทคโนโลยี เช่น GPS (Global Positioning System), GIS, IoT Solution, Cloud Computing และแสดงข้อมูลผ่าน Dashboard ได้แบบเรียลไทม์
Telematics สื่อถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสื่อสารระยะไกล เมื่อนำมาใช้กับยานพาหนะ Telematics ก็คือระบบที่อ่านข้อมูลจากตัวรถยนต์แล้วส่งข้อมูลไปยังระบบจัดการยานพาหนะ หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย คือ เทคโนโลยีที่ใช้สื่อสารระหว่างรถและผู้ควบคุมรถ และสามารถรับ-ส่งข้อมูลระหว่างกันได้
Telematics เป็นที่รู้จักในมุมของโซลูชันติดตามยานพาหนะในเชิงพาณิชย์ มีประโยชน์หลักๆ ดังนี้
............................................................................
อ่านเพิ่มเติม
............................................................................
การทำงานของ Telematics ต้องอาศัยนวัตกรรมด้าน IoT และเทคโนโลยีการสื่อสาร
หรือถ้าให้มองอีกมุมก็คือ เป็นระบบที่ต้องใช้โซลูชันที่เป็นซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ประกอบกันในติดตามการขับขี่ เก็บข้อมูล และประมวลผล อย่าง Internet of Thing, Cloud Service, CyberSecurity และ Big Data Analytics เพื่อการส่ง-รับ-จัดเก็บข้อมูลและประมวลผลอย่างรวดเร็ว โดยมีโซลูลันย่อย เช่น Fleet Management System ระบบบริหารจัดการยานพาหนะ
หรือหากมองในด้านฮาร์ดแวร์ก็จะมี พอร์ต OBD & OBD II (On-Board Diagnostic) อุปกรณ์ขนาดเล็กสำหรับติดตั้งในรถ ภายในมีชิปเซ็ตประมวลผล มีการอินทิเกรตเทคโนโลยีอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน อาทิ
ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้ Telematics
หรือต้องใช้ระบบนี้ตรวจจับ Driver ถึงจะขับรถดีขึ้น?
โซลูชัน Telematics ใช้งานได้หลายอุตสาหกรรม เช่น บริษัทประกัน บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถ ผู้ค้าปลีก สื่อและความบันเทิง แต่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจประกันภัย เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลการขับขี่และใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เช่น ตำแหน่งรถ ความเร็วในการขับรถ เวลาที่ใช้ การหยุด-จอด-แซง-เบรก ปริมาณน้ำมันคงเหลือ มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมคนขับ สไตล์การขับขี่ รวมถึงใช้ติดตามการขนส่งสินค้าได้
อย่างไรก็ตาม การเก็บและใช้ข้อมูลบุคคล ผู้ให้บริการหรือบริษัทต้องขออนุญาตจากผู้ขับขี่ และผู้ขับขี่ต้องให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลก่อน (PDPA) จึงจะจัดเก็บและนำข้อมูลไปใช้ต่อได้ เช่น กรณีที่ข้อมูลการใช้รถบ่งชี้ว่า คุณเป็นคนที่ขับรถดี ไม่ละเมิดกฎจราจร มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุต่ำ บริษัทประกันรถที่ใช้เทคโนโลยีนี้อาจเก็บเบี้ยประกันอุบัติเหตุจากคุณถูกกว่าคนที่ขับรถเร็วหรือขับทางไกลบ่อยๆ และจากข้อมูลที่แตกต่างกันนี้ บริษัทประกันยังสามารถออกแบบความคุ้มครองที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายได้
นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเพราะขับรถเร็ว ฝ่าไฟแดง ขับย้อนศร หลับใน ก็สามารถนำข้อมูลการขับขี่จากระบบ Telematics ที่ติดกับยานพาหนะ เช่น รถเมล์ รถส่วนบุคคล รถบริการสาธารณะ รถบรรทุก รถขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ มาใช้ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน วิเคราะห์หาสาเหตุของอุบัติเหตุต่อไป
สำหรับแนวทางลดความสูญเสีย สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนขับได้จากข้อมูลการขับขี่ที่ปรากฏใน Telematics เช่น หากข้อมูลในระบบแจ้งว่า นายอนันต์ขับรถเร็วและแซงบ่อยครั้ง ทางบริษัทสามารถจัดฝึกอบรมหรือเทรนนิงเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น หรือหากนายพันธ์ขับรถไม่ตรงทาง อาจเพราะเมาหรือหลับใน บริษัทอาจหาสาเหตุจากข้อมูลที่มีเพื่อแก้ปัญหาต่อไป
น่าคิดว่า การปรับปรุงหรือแก้ไขเรื่องความประมาทเลินเล่อ การขาดจิตสำนึกและความรับผิดชอบนั้นทำได้ยาก หากนำเทคโนโลยีมาเก็บข้อมูลร่วมกับการบังคับใช้กฎหมาย มีบทลงโทษอย่างจริงจัง จะช่วยลดความสูญเสียได้มากเพียงใด
............................................................................
ที่มา