Instagram อัปเดตใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะเป็นแรงกดดันที่มาจาก TikTok หรือแอปพลิเคชั่นอื่นๆที่กำลังเน้นไปที่วีดีโอ จากเดิม Instagram จะเป็นแหล่งรูปภาพสวยๆ ที่คนนิยมใช้ลงกัน แต่ปัจจุบัน Instagram กำลังผันตัวไปให้เหมือนกับ TikTok มากขึ้นทุกๆครั้งของการอัปเดต
Instagram อัปเดตครั้งใหญ่อีกครั้ง ผู้ใช้จะสามารถลงสตอรี่ได้ยาวสูงสุดถึง 60 วินาที (จากเดิมคือ 15 วินาที)
และเมื่อคุณโพสต์เรื่องราวที่มีความยาวน้อยกว่า 60 วินาที เรื่องราวจะไม่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทดสอบไป ขณะนี้กำลังเตรียมเปิดให้ทุกคนทั่วโลกใช้งานแล้ว
ขณะนี้มีผู้ใช้บางประเทศสามารถอัปเดตและลงสตอรี่ได้ยาวกว่าเดิมแล้ว ซึ่งในประเทศไทยอาจต้องรอการอัปเดตสักพัก
ข้อดี คือสาวกไอจีจะสามารถโพสต์สตอรี่ได้ยาวต่อเนื่อง และในทางกลับกันจะไม่ต้องแตะอย่างต่อเนื่องเพื่อดูวิดีโอยาวๆ ที่ไม่ต้องการเห็นหรือไม่สนใจ
ข้อเสีย คือการเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลเสียต่อผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่ายของสตอรี่สั้นๆ ซึ่งอาจทำให้ Instagram สูญเสียเอกลักษณ์และตัวตนของแอปพลิเคชั่นที่เคยมีไป
การอัปเดตของ Instagram ที่ชี้ให้เห็นว่ายังคงต้องการทำให้คล้ายกับ TikTok
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน บริษัทได้เพิ่มการรองรับ Instagram Reels ที่ยาวขึ้นสูงสุด 90 วินาทีจากเดิมคือ 60 วินาที
และไม่นานมานี้ ได้อัปเดตการโพสต์วิดีโอที่สั้นกว่า 15 นาทีถูกแชร์โดยอัตโนมัติเป็น Reels
Adam Mosseri หัวหน้าผู้พัฒนา Instagram กล่าวว่า Instagram ยังคงจะเน้นไปที่ "วีดีโอ" และเขายังบอกเป็นนัยว่า Instagram จะรวมผลิตภัณฑ์วิดีโอทั้งหมดไว้ใน Reels และสตอรี่ ซึ่งนี่อาจทำให้สาวก IG หลายคนไม่ชื่นชอบ เนื่องจากเสน่ห์ของการลงสตอรี่และ Reels นั้นไม่เหมือนกัน
แต่แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อ Instagram กำลังไล่ตาม TikTok และถึงขั้นเปิดตัวฟีดแบบเต็มหน้าจอเหมือน TikTok ที่สุดท้ายผู้ใช้ Instagram ถึงขั้นอยากเลิกใช้และโพสต่อว่า เรียกร้องให้กลับมาเป็นแบบเดิม
แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญานว่า Instagram ยังคงไม่หยุดอัปเดตเพื่อให้ตัวเองเหมือนกับ TikTok และเน้นไปที่วีดีโอมากกว่ารูปภาพ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของสตอรี่ครั้งนี้ บ่งชี้ว่า Instagram ยังคงยืนกรานที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นวิดีโอเป็นหลัก
ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของ Instagram นั้นอาจดูเป็นเหมือนการไล่ลูกค้า หรือทิ้งเสน่ห์เดิมๆของ Instagram ไป แต่ก็เชื่อว่าทางทีมงานและผู้พัฒนาต้องคิดมาแล้วว่าจะใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อดึงผู้ใช้กลับมา หลังจากถูก TikTok แย่งส่วนแบ่งไป เรายังคงต้องติดตามกันต่อไปว่าการอัปเดตครั้งนี้จะช่วยให้คนกลับมาชอบเล่น Instagram หรือไม่ และจะมีอะไรคืบหน้าอีกในอนาคต
ที่มา : 9to5mac