Twitter พยายามค้นหาเนื้อหา 18+ เพื่อสร้างเว็บคล้าย Onlyfans แต่ทำไม่สำเร็จ
ทวิตเตอร์ (Twitter) เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลที่มีเนื้อหาต่างๆมากมาย รวมถึงเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ก็เช่นกัน หลังจากทวิตเตอร์พยายามกันมากว่า 10 ปี เพื่อหาตัวกรองที่จะดึงข้อมูลที่มีเชิง 18+ เพื่อรวมไปทำเว็บคล้าย Onlyfans แต่ก็ทำได้ไม่สำเร็จ
ขณะนี้ทวิตเตอร์ได้ประกาศหยุดโครงการที่จะทำเว็บไซต์คล้าย Onlyfans เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากได้ตั้งทีมพัฒนากว่า 84 คน ซึ่งจากแถลงการณ์ได้ระบุว่าทางทวิตเตอร์ไม่สามารถตรวจจับข้อมูลเนื้อหา 18+ ได้ เนื่องจากเครื่องมือในการตรวจจับข้อมูลและเนื้อหาไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
แพลตฟอร์ม OnlyFans คาดว่าจะสร้างรายได้ 2.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของที่ Twitter สร้างขึ้นในปี 2564 นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมทวิตเตอร์ถึงอยากผลักดันโครงการธุรกิจนี้
ทวิตเตอร์ ซึ่งเตรียมตัวเสนอวิธีสร้างรายได้จากผู้ชมจำนวนมากบนแพลตฟอร์มให้ผู้สร้างได้หลายวิธี เช่นทวิตเตอร์จะเพิ่มฟังก์ชันสไตล์ OnlyFans ซึ่งจะเป็นรายได้สำหรับผู้สร้างเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่และบริษัท แต่ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปอย่างที่คิด ทำให้บริษัทไม่สามารถทำตามขั้นตอนนั้นได้
ซี่งนี่อาจเป็นจุดแข็งของ OnlyFans ที่รวบรวมเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ไว้ได้เป็นอย่างดี แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่างทวิตเตอร์ก็ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเครื่องมือไม่สามารถคัดกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ได้ คาดว่ามีความหลากหลายของเนื้อหามากจนเกินไปจนกว่าระบบจะเรียนรู้ได้ว่านั่นคือเนื้อหา 18+ แต่อย่างไรก็ตามในอนาคต การเข้าถึงของอินเทอร์เน็ตมีง่ายยิ่งขึ้น การคัดกรองเนื้อหาเหล่านี้อาจต้องทำให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้
การล็อกอินบนทวิตเตอร์ขณะนี้ มีการคัดกรองระดับหนึ่ง ซึ่งผู้ใช้ทวิตเตอร์ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปจึงจะสามารถดูเนื้อหาเหล่านั้นได้ มีจุดอ่อนคือการสมัครสมาชิกทวิตเตอร์ไม่จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวอายุ ดังนั้นเด็กๆยังสามารถใส่วันเกิดให้อายุเกิน 18 ปีได้แม้จะอายุไม่ถึงก็ตาม ซึ่งนี่เป็นอันตรายสำหรับการรับชมหรือเสพเนื้อหา 18+ ที่ไม่ได้มีแค่ภาพอนาจาร แต่ยังมีภาพรุนแรงอื่นๆในทวิตเตอร์ที่หลุดลอดมาด้วย
ในปัจจุบันแพลตฟอร์มทวิตเตอร์เป็นอีกหนึ่งแหล่งของการโปรโมทที่สำคัญของ ของครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม OnlyFans เลยก็ว่าได้
หากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปรับชมได้ง่ายและไม่มีการควบคุม เราอาจได้เห็นคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการควบคุมเนื้อหาเกิดขึ้นอีกกับทวิตเตอร์ในอนาคต
ที่มา : theverge
