ยุโรปออกกฎผลิตรถใหม่ ต้องมี “ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ISA)”
ถือเป็นข่าวใหญ่ของฝั่งยุโรป รวมถึงฝั่งอเมริกาก็ได้เริ่มใช้กฎการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะไว้บนรถราชการ ทำให้บริษัทยานยนต์จำเป็นต้องใส่ระบบนี้ลงไปในรถยนต์ที่ผลิตออกมา และอาจเป็นแง่คิดให้กับประเทศไทยเราว่าควรนำมาใช้หรือไม่
หลายปีที่ผ่านมา ความเร็วได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสามปัจจัยหลักที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนน และเป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่ ETSC ได้สนับสนุนประโยชน์ของ Intelligent Speed Assistance (ISA) ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ผลการศึกษาของนอร์เวย์ในปี 2014 พบว่า 'มีประสิทธิภาพมาก' ในการช่วยชีวิต
ทำความรู้จัก ISA (Intelligent Speed Assistance)
ISA คือการใช้กล้องวิดีโอบันทึกความเร็วและ/หรือข้อมูลจำกัดความเร็วที่เชื่อมโยงกับ GPS เพื่อแนะนำผู้ขับขี่ถึงขีดจำกัดความเร็วปัจจุบันและจำกัดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติตามความจำเป็น
ระบบ ISA จะไม่ใช้เบรกโดยอัตโนมัติ แต่เพียงแค่จำกัดกำลังของเครื่องยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้รถเร่งความเร็วเกินขีดจำกัดความเร็วปัจจุบัน
เทคโนโลยีนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการใช้ฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นในยานพาหนะ เช่น GPS กล้องหน้า และระบบจำกัดความเร็วแบบแมนนวล ทำให้ ISA กลายเป็นเรื่องง่ายในการเพิ่มซอฟต์แวร์เพิ่มเติมบนรถยนต์
สหภาพยุโรปตกลงในปี 2019 ที่จะจัดทำ ISA เวอร์ชันแทนที่ได้ พร้อมกับมาตรการด้านความปลอดภัยของยานพาหนะอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีผลบังคับใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ที่จำหน่ายในสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 2022 แต่ในปี 2024 ยุโรปได้กำหนดว่ารถทุกคันจะต้องมีระบบนี้ติดอยู่
โดยทางฝั่งของยุโรปได้มี ISA สองรูปแบบคือ
Active (ใช้ระบบควบคุม) คือ เพิ่มแรงต้านคันเร่งให้หนักขึ้น , ควบคุมความเร็วโดยลดชะลอความเร็วอัตโนมัติ
Passive (ระบบแจ้งเตือน) คือ การแจ้งเตือนด้วยเสียง,การแจ้งเตือนด้วยการสั่น
แต่ก็มีข้อยกเว้นในกรณีที่เร่งรีบฉุกเฉิน ระบบ ISA จะสามารถปิดได้
ISA ได้รับการทดสอบในหลายประเทศสมาชิก และในขณะที่คนขับใช้เวลาไม่มากในการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีนี้
เมื่อกลับมาที่ประเทศไทย จากกฎหมายที่กระทรวงกำหนดควบคุมความเร็วต่างๆทั้งบนทางด่วนและถนนทั่วไป แม้จะมีค่าปรับแต่ก็เห็นรถใช้ความเร็วเกินกำหนดและก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้ง หากประเทศไทยเริ่มใช้ ISA มากขึ้นอาจส่งผลต่ออัตราการเกิดอุบัติเหตุที่ต่ำลง เนื่องจากถนนในประเทศไทยมีความอันตรายกว่าฝั่งยุโรปมากในการขับขี่ด้วยความเร็ว
และในทางกลับกันหากมีการใช้เทคโนโลยี ISA นี้ เชื่อว่าประชาชนที่ใช้จะเสียค่าปรับจราจรน้อยลง เนื่องจากมีระบบควบคุมความเร็ว และหลีกเลี่ยงการขับด้วยความเร็วเกินกำหนดได้ดี ซึ่งดีต่อทั้งความปลอดภัยและได้ทำตามที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย
