รู้จัก อิสราเอล ประเทศที่มีสตาร์ตอัป-เทคโนโลยีป้องกันประเทศ
"อิสราเอล" เป็นหนึ่งในประเทศท็อป 3 ด้านการสนับสนุนสตาร์ตอัประดับโลก ที่แม้จะไม่มีโครงสร้างพื้นฐานเท่ากับประเทศอื่นๆ แต่ความพยายามในการเดินหน้าเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีทำให้พวกเขากลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความขัดแย้งของอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่มีความขัดแย้งกันรุนแรงมานาน ต้องยอมรับว่า "อิสราเอล" ถือว่าเป็นประเทศที่เริ่มต้นจากศูนย์ คือไม่มีทั้งทรัพยากรอาหาร สิ่งแวดล้อม และเงินทุน แต่ไม่ยอมแพ้และขึ้นมาเป็นอันดับสาม ของประเทศพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย
หากเอ่ยถึงสตาร์ตอัปชั้นนำแบบเร็ว เช่น Taboola ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแสดงผลคอนเทนต์ที่ทำงานร่วมกับเว็บและข่าวสารจากทั่วโลก WAZE สตาร์ตอัปที่ทำด้าน GPS หรือ Mirabilis ผู้คิดค้นระบบส่งข้อความ (Instant Messaging) ในชื่อผลิตภัณฑ์ที่ทั่วโลกรู้จักกันดีอย่าง ICQ รวมทั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยระดับโลก อย่าง CheckPoint Software Technology เป็นต้น
ย้อนกลับไปในอดีต อิสราเอล เป็นประเทศที่เริ่มต้นจากการทำอุตสาหกรรมเจียระไนเพชรและสิ่งทอ เห็นได้จากการที่บริษัทเสื้อผ้าเข้าไปใช้เป็นฐานการผลิต อย่าง GAP เข้าไปใช้เป็นฐานการผลิตเสื้อผ้าเช่นกัน
จากนั้นปลายปี 1980 อิสราเอลเป็นประเทศแรกๆ ที่มีหลายบริษัทเข้าไปลงทุนด้านซอฟต์แวร์ และมี Angel Investor อย่างสหรัฐอเมริกาเข้าไปช่วยลงทุน
จากนั้นในปี 1991 คนยิวที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อพยพเข้ามาในอิสราเอลทำให้มีบุคลากรที่มีความสามารถในการสร้างอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และเทค ยกตัวอย่างเช่น Mirabilis ผู้คิดค้นระบบส่งข้อความทันที (Instant Messaging) ที่ได้พัฒนาการสื่อสารแบบพิมพ์ สิ่งนั้นคือ ICQ
ตามมาด้วย WAZE บริษัทพัฒนา GPS ที่ตรวจเช็กพื้นที่จากสัญญาณดาวเทียม ยุคต่อมาคือทำเรื่อง Cybersecurity เพราะการลงทุนด้านนี้เพื่อเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ล่าสุดคือการทำเรื่องของ Healthcare อย่าง Pfizer ที่อิสราเอลได้ทดสอบวัคซีนเป็นประเทศแรกของโลก เพราะเจ้าของเป็นชาวยิว
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าอิสราเอลเป็นประเทศแรกที่นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างถูกกฎหมาย ทั้งในด้านของอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และงานวิจัย
หากเอ่ยถึงตัวอย่างสตาร์ตอัปที่พัฒนาด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ คงต้องเป็น Gil Shwed ชาวอิสราเอลที่เป็นทหารและทำงานในองค์กรด้านความปลอดภัย และได้คิดค้น Firewall ขึ้นมา เพื่อป้องกันภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ จนภายหลังได้กลายมาเป็น Check Point Software Technology บริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ อิสราเอล ยังใช้งบประมาณด้านการศึกษาถึงร้อยละ 7 ของ GDP จนดันให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งติดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลก
และมหาวิทยาลัยในอิสราเอลนี่เอง ที่เป็นผู้นำในการนำงานวิจัยมาใช้ในเชิงพาณิชย์
โดยมีการสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับนักวิจัยในมหาวิทยาลัย ที่กลายมาเป็นตัวเชื่อมต่อกับหุ้นส่วนในการพาณิชย์อย่าง Intel และ Google และสามารถตั้งบริษัทใหม่ได้เฉลี่ย 10 แห่ง บริษัทหนึ่งสามารถทำรายได้ ได้มากกว่า 6-7 พันล้านบาทต่อปี และบริษัทจะได้ค่าสิทธิบัตรถึงร้อยละ 3-5
นอกจากนั้น ยังมีรายได้จากการลงทุนและหุ้นต่างๆ โดยร้อยละ 60 ของรายได้ของบริษัทจะกลับมาที่นักวิจัยและห้องทดลองสามารถสร้างงานใหม่ได้ปีละ 300 ตำแหน่ง
ซึ่งอิสราเอล ให้ความสำคัญกับการเปิดทางนักลงทุนให้ค้นคว้าวิจัย โดยวางสัดส่วนมูลค่าการลงทุนด้าน R&D ต่อ GDP ไว้มากถึง 4.3% ส่งผลให้อิสราเอลก้าวขึ้นมาสู่ผู้นำอันดับ 4 ของโลกด้านบุคลากรการวิจัย และการสร้าง Silicon Wadi คล้ายกับ Silicon Valley ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและเป็นโอเอซิสทางเทคโนโลยีของผู้คนราย 4 แสนคน
เมื่อย้อนกลับมาเชื่อมโยงกับไทย ทาง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA มีโครงการการทูตนวัตกรรม Thailand-Israel R&D Cooperation Program เพื่อเข้าไปช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน
ด้วยประชากรชาวอิสราเอลที่มี 9 ล้านคน เป็นสตาร์ตอัปกว่า 8,000 รายในปี 2566 กระทรวงแรงงานมีโควตาจัดส่งแรงงานไทย ไปทำงานภาคเกษตรที่อิสราเอลจำนวน 6,500 คน ภายใต้โครงการความร่วมมือไทย-อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers: TIC) และได้รับเงินเดือนขั้นต่ำก่อนหักภาษีเดือนละ 5,300 เชเกล หรือประมาณ 50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น)
ทั้งนี้ เมื่อรัฐตระหนักถึงศักยภาพของประชาชน และให้ความสำคัญของการลงทุนกับความคิดของประชาชน การสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ตอัปด้วยการสร้างเทคโนโลยีกับบ่มเพาะประชาชนไปพร้อมกัน จนอิสราเอล ถูกขนานนามว่าเป็น Startup Nation แห่งโลกใบนี้
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
