SHORT CUT
iOS 18 ถือเป็นการอัปเดตครั้งยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่าหลายคนรอคอย ซึ่งล่าสุดได้มียูทูปเบอร์ Geekerwan ได้ทำการทดสอบชิป A17 Pro ที่อยู่บน iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max พบว่าการอัปเดตใหม่ทำให้เครื่องประมวลผลช้าลง
iOS 18 ได้ถูกทดสอบโดยใช้งานกับ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ใช้ชิป A17 Pro รุ่นเก่า ซึ่งการอัปเดตซอฟต์แวร์ iOS 18 จะมีการปรับแต่งให้ประสิทธิภาพช้าลง เพื่อรักษาแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้น และเพิ่มความเสถียรในการใช้งาน
จากการทดสอบของบล็อกเกอร์ด้านเทคโนโลยีชาวจีนที่ชื่อ Geekerwan พบว่า iPhone 16 Pro Max มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ iPhone 15 Pro Max รุ่นเก่ากลับมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นหนึ่งชั่วโมงหลังจากติดตั้ง iOS 18 และ iPhone 15 Pro ก็มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
การทดสอบแบตเตอรี่ที่บล็อกเกอร์ได้ทดลองใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ, โทรด้วยเสียงและวิดีโอผ่านแอป WeChat, ท่องอินเทอร์เน็ตโดยใช้ Douyin และเล่นเกม Genshin Impact การทดสอบได้ทำกิจกรรมเหล่านี้วนซ้ำจนกว่าแบตเตอรี่ของแต่ละอุปกรณ์จะหมด ผลการทดสอบได้แสดงให้เห็นว่าการปรับแต่งใน iOS 18 ร่วมกับชิป A17 Pro ช่วยให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone 15 Pro Max ยาวนานขึ้นราว 1 ชั่วโมง
การปรับแต่งใน iOS 18 ทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์ A17 Pro ช่วยให้ระบบจัดการงาน (Job scheduler) รอให้นานขึ้นก่อนที่จะเพิ่มความถี่ของคอร์โปรเซสเซอร์ ส่งผลให้การทำงานที่ใช้เวลาสั้น ๆ ใช้พลังงานน้อยลงและประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การปรับแต่งนี้ใช้ได้เฉพาะกับ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max เท่านั้น เนื่องจากเป็นรุ่นเดียวที่ใช้ชิป A17 Pro ส่วน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ที่ใช้ชิป A16 Bionic รุ่นเก่าจะไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับแต่งนี้
สำหรับผู้ที่กำลังทดสอบ iOS 18.1 เบต้าบน iPhone 15 Pro series อาจพบปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากฟีเจอร์ Apple Intelligence บางอย่างในเบต้าแรก แต่อาการนี้จะได้รับการแก้ไขใน iOS 18.1 เวอร์ชันเสถียรที่จะปล่อยออกมาในเดือนหน้า
เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ เพียงแค่ อัปเดต iOS 18 ก็สามารถช่วยให้ไอโฟนใช้งานได้นานขึ้น แต่ก็อาจใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่ารุ่นใหม่อย่าง iPhone 16 อยู่ดี
ที่มา : PhoneArena