svasdssvasds

BYD เผยกำไร เฉลี่ย 45,000 บาท ต่อคัน เน้นเพิ่มยอดขาย ตั้งเป้าครองแชมป์ตลาด EV

BYD เผยกำไร เฉลี่ย 45,000 บาท ต่อคัน เน้นเพิ่มยอดขาย ตั้งเป้าครองแชมป์ตลาด EV

BYD ค่ายยักษ์ใหญ่จีนที่ลงมาเล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซึ่งได้มีการเผยว่าบริษัทได้กำไรจากขายรถเฉลี่ยเพียง 45,000 บาทต่อคัน ซึ่งนี่เป็นการเปิดสงครามราคาเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งทั่วโลก

SHORT CUT

  • BYD เผยกำไรต่อคันเพียง 45,000 บาท ซึ่งบริษัทต้องการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และยังไม่ได้มองถึงเรื่อง "กำไร"
  • ปัจจุบัน BYD สามารถจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้ในราคาเทียบเท่ารถสันดาป ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน ทำให้ยอดขายของ BYD พุ่งสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกได้
  • เมื่อปีที่แล้ว BYD ขายรถยนต์ได้ 2,706,075 คันในจีน เทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Tesla ที่แม้ทำกำไรได้มากกว่า แต่ยอดขายอยู่ที่ 603,664 คัน 

BYD ค่ายยักษ์ใหญ่จีนที่ลงมาเล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซึ่งได้มีการเผยว่าบริษัทได้กำไรจากขายรถเฉลี่ยเพียง 45,000 บาทต่อคัน ซึ่งนี่เป็นการเปิดสงครามราคาเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งทั่วโลก

BYD แบรนด์รถสัญชาติจีนที่มีดีกรีในด้านการผลิตแบตเตอรี่เบอร์ 2 ของโลก ซึ่งขณะนี้ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ และยังได้จุดชนวนสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ล่าสุดได้มีการเปิดเผยผลกำไรของการขายรถยนต์ไฟฟ้า พบว่าได้กำไรเพียง 1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 45,000 บาท

BYD เผยกำไร เฉลี่ย 45,000 บาท ต่อคัน เน้นเพิ่มยอดขาย ตั้งเป้าครองแชมป์ตลาด EV

จุดมุ่งหมายของบริษัทบีวายดีชี้ชัดว่าต้องการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในวงการรถยนต์ไฟฟ้า  แต่ในทางกลับกัน คู่แข่งอย่าง Tesla สร้างกำไรได้มากกว่า 8,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 3 แสนบาท ซึ่งมากกว่า BYD ถึง 8 เท่าตัว แต่ทางบีวายดีเน้นไปที่การสร้างยอดขาย เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด และยังไม่ได้มองในเรื่องของ "กำไร" 

ปัจจุบันมีหลากหลายแบรนด์บริษัทจีนเข้ามาพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเกิดสงครามราคาแบบนี้ต่อไป อาจทำให้ค่ายจีนต้องแข่งขันราคากันจนบริษัทไม่มีผลกำไร และนั่นจะทำให้คู่แข่งตัวจริงอย่าง Tesla สามารถแย่งชิงยอดขายและผลกำไรกลับคืนมาได้ง่ายๆ 

BYD เผยกำไร เฉลี่ย 45,000 บาท ต่อคัน เน้นเพิ่มยอดขาย ตั้งเป้าครองแชมป์ตลาด EV

เมื่อตลาดรถยนต์เริ่มให้ความสนใจกับ NEV หรือรถยนต์พลังงานใหม่ ทำให้ BYD กลายเป็นเจ้าตลาดในปัจจุบัน  ปีที่แล้ว BYD ขายรถยนต์ได้ 2,706,075 คันในจีน รองลงมาคือ Tesla ที่ 603,664 คัน 

ตั้งแต่ต้นปีนี้ BYD ได้เตรียมต่อสู้ในสงครามราคาอีกครั้ง ซึ่งที่น่าสนใจคือ BYD สามารถทำรถยนต์ไฟฟ้าราคาได้เทียบเท่ากับรถยนต์สันดาปหรือถูกกว่า ทำให้ยอดขายในเดือนมีนาคมเป็นตัวเลขรายเดือนสูงสุดเป็นอันดับสองที่บีวายดีทำได้ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 และยอดขายทะลุระดับ 300,000 ในเดือนหนึ่งอีกครั้ง  

อนาคตเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถทำราคาถูกลงได้อีก เนื่องจากมีผู้ผลิตจำนวนมากขึ้น ต้นทุนต่างๆสามารถทำให้ถูกลงได้ ไม่ว่าจะเป็นราคาแบตเตอรี่, อะไหล่ และสุดท้ายภายในปี 2030 จะต้องจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทั่วโลกอย่างแน่นอน

ที่มา : CarNewsChina

related