Dodge Charger Daytona EV โชว์เทคโนโลยีขั้นสุด สเปคเร็วแรงไม่แพ้รถสันดาป

Dodge Charger Daytona EV รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมวิศวกรรมพื้นฐานจาก SLTA Large Platform โดย Daytona EV มาพร้อมดีไซน์กระจังหน้าที่มีช่องลมในตัว ทำให้ประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์สูงสุด (Cd) น่าสนใจคือรถรุ่นนี้ได้ใช้ยางที่หน้ากว้างที่สุดในประวัติศาสตร์ Muscle Car เลยก็ว่าได้ เรามาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง

สเปค Dodge Charger Daytona EV

Dodge Charger Daytona EV รุ่น R/T พละกำลัง 416 แรงม้า หากใช้โหมด PowerShoot จะสามารถเพิ่มพละแรงม้าได้อีก 40 แรงม้า หรือในรูปแบบ Stage 1 รวมเป็น 456 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 548 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.7 วินาที วิ่งได้ไกลสุด 507 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ

Dodge Charger Daytona EV รุ่น Scat Pack พละกำลัง 550 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร เนื่องจากฟังก์ชั่น PowerShoot สำหรับรุ่นนี้จะถูกติดตั้งมาให้ในรูปแบบ Stage 2 ซึ่ง Dodge ออกแบบให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้น 80 แรงม้า รวมเป็น 630 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 3.3 วินาที วิ่งได้ไกลสุด 416 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ

Dodge Charger Daytona EV จะใช้แบตเตอรี่ความจุ 100.5 kWh ที่ทำงานภายใต้สถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้าสูงสุด 400V จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์คู่ พร้อมระบบ fast charge กำลังไฟฟ้าสูงสุด 350 kW ทำให้สามารถประจุไฟจาก 20%-80% ได้ภายในเวลา 27 นาที

Dodge Charger Daytona EV ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อการแข่งขันความเร็ว ซึ่งทำให้อนาคตรถคันนี้อาจลงในสนามแข่งได้อย่างเต็มรูปแบบ

• ช่วงล่าง Dual valve semi-active suspension แปรผันความหนืดเป็นออฟชั่น ที่เรียกว่า Track Package 
• Scat Pack การปรับแต่งระบบระบายความร้อนให้กับแบตเตอรี่ , ฟังก์ชั่นการจัดการการวิ่งแบบควอเตอร์โมล์ ด้วยการสั่งให้เบิร์นล้อคู่หลังก่อนออกตัว
• โหมดการขับขี่แบบ Donut และ Drift พร้อมระบบความปลอดภัยครบครันทั้ง Forward collision alert
• Automatic braking ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
• Adaptive cruise control ระบบตรวจจับป้ายจราจร
• Traffic sign recognition ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ภายในเลน
• Lane-keep assist ระบบตรวจจับวัตถุในมุมอับสายตา blind spot detection และระบบป้องกันการเหนื่อยล้าจากการขับขี่

นอกจากในเรื่องพละกำลังและประสิทธิภาพของการขับขี่แล้ว เรามาดูในด้านเทคโนโลยีของรถคันนี้กันว่าจะน่าสนใจแค่ไหน ซึ่ง Dodge Charger Daytona EV ได้เลือกใช้หน้าจอ Digital ขนาด 10.25 นิ้ว หรือจ่ายเงินเพิ่มเพื่ออัพเกรดเป็นขนาด 16 นิ้วได้ด้วย โดยทั้งคู่จะทำงานร่วมกันกับหน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว

Daytona EV พร้อมด้วยหัวเกียร์แบบ pistol-grip ระบบการเชื่อมต่อ Uconnect 5 system และระบบนำทางจาก TomTom พร้อมผู้ช่วยส่วนตัว Amazon Alexa , ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่ปรับได้สูงสุด 64 สี ซึ่งยังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ขณะที่ทำการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ เช่นขณะเปิดประตูหรือกดปุ่มสตาร์ท

Dodge ได้เปิดตัวรุ่น Charger Daytona EV มาเป็นตัวอย่างของ Muscle Car รุ่นแรกๆที่หันมาใช้ขุมพลังไฟฟ้า 100% และยังใส่เทคโนโลยีสำหรับรถแข่งมาอย่างจัดเต็ม ซึ่งอย่างไรก็ตามอนาคตเราจะได้เห็นรถที่มีพร้อมทั้งความแรง ประสิทธิภาพในการขับขี่ และยังมีเทคโนโลยีมาช่วยในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อีกไม่นานเราจะได้เห็นรถ EV วิ่งบนสนามแข่งควอเตอร์ไมล์กันอย่างแน่นอน

ที่มา : motor1