BYD หรือ Build Your Dream เดิมทีเป็นบริษัทผลิตแบตเตอรี่ในจีน ได้เคยเซ็นสัญญาเพื่อผลิตแบตเตอรี่ให้กับ Nokia ตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งเราจะมาดูกันว่า BYD มีที่มาที่ไปและประวัติอย่างไรบ้าง ทำไมเข้ามาสู่ตลาดรถ EV ได้อย่างเต็มตัว
ประวัติที่มาของชื่อบริษัทนี้มาจากตัวอักษรพินอิน ซึ่งจริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้มีชื่อเดิมคือบริษัท Yadi Electronics ซึ่งมาจากชื่อถนนที่บริษัทตั้งเป็นครั้งแรก โดยบริษัทมุ่งเน้นการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้กับแบรนด์มือถืออย่าง Motorola หรือ Nokia และก้าวสู่การพัฒนาแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน
บีวายดีก่อตั้งธุรกิจที่ประเทศจีนครั้งแรกในปี 2538 ธุรกิจแรกที่เข้ามาทำคือเกี่ยวกับการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ผู้บริหารของ BYD ที่มีชื่อว่า Wang Chuanfu (หวัง ชวนฟู) ที่มีประวัติที่น่าสนใจมาก
หวัง ชวนฟู (Wang Chuanfu) เดิมทีเป็นครอบครัวชาวนาในมณฑลอานฮุย จบปริญญาโทจาก Beijing Non-Ferrous Research Institute และหลังจากเรียนจบได้ทำงานให้หน่วยวิจัยของรัฐบาลจีน ก่อนที่จะมาทำงานบริษัทเอกชน เขามีความสนใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในจีนว่าจะเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยได้ตั้ง BYD Company Limited เพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
ซึ่ง BYD ใช้ระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี BYD ก็สามารถครองส่วนแบ่งมากกว่า 50% ในตลาดผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์มือถือซึ่งได้ผลิตให้กับ Motorola และ Nokia ในจีน และยังเป็นผู้ผลิตถ่านชาร์จรายใหญ่ที่สุดในจีน
ปี 1996 BYD ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเป็นครั้งแรก
ปี 2002 BYD เข้าซื้อ Tsinchuan Automobile เปลี่ยนชื่อเป็น BYD Auto
ปี 2003 เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า
ปี 2008 BYD เปิดตัว F3DM PHEV (รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน) คันแรกของโลก
ปี 2010 เปิดตัว BYD E6 แท็กซี่ไฟฟ้าคันแรกของโลก
ปี 2020 เปิดตัว Blade Battery พร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้า BYD Han EV
ปี 2021 เปิดตัว e-Platform 3.0 พร้อมฉลองยอดขาย 593,745 คัน
ปี 2022 เลิกผลิตรถสันดาป มุ่งเน้นตลาด BEV และ PHEV เต็มตัว
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่เป็นจุดแข็งของบีวายดีได้โชว์ถึงจุดเด่นด้านความทนทาน ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย จึงทำให้คนทั่วโลกมั่นใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง Tesla ยังเคยได้นำแบตเตอรี่ของแบรนด์นี้ไปใส่ในรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y อีกด้วย
ปัจจุบันรายได้ของบริษัท BYD Company Limited ในปี 2019 นั้นมาจาก ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า 49%, ธุรกิจผลิตและประกอบชิ้นส่วนมือถือ 43%, ธุรกิจแบตเตอรี่ และแผงโซลาร์เซลล์ 8% ซึ่งรายได้รวมประมาณ 277,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทนี้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและมีมูลค่าบริษัทประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท
อนาคตเชื่อว่า BYD ยังมีการพัฒนาในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยอดขายของเทสลามากกว่าบีวายดี ราวๆ 2.3 เท่า ซึ่ง BYD ชี้ให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าจีนได้เข้ามาตีตลาดโลกและครองอันดับ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ที่มา : Finance Yahoo , dlmag