Tesla อีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับราคาขึ้นลงบ่อยสุดของโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการปรับลดราคาลงจนส่งผลกระทบการให้ตัดสินใจซื้อเปลี่ยนไป และขณะนี้กลับขึ้นราคาอีกในสหรัฐและอเมริกา เรามาดูกันว่าหากจะซื้อเทสลาสักคัน ควรรอหรือตัดสินใจซื้อตอนไหน
Tesla กำลังปรับเพิ่มราคารถอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่ได้ขึ้นมากเท่าไร การลดราคาครั้งนี้เริ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาและจีน ราคา Tesla Model Y และ Tesla Model 3 ขึ้นราวๆ 283 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,000 บาทเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นสัญญาณที่เทสลาทำให้ลูกค้าและคนทั่วโลกรู้ว่า "เทสลายังราคาไม่นิ่ง" หรือนี่อาจทำให้คนยังไม่ตัดสินใจซื้อกัน ที่สำคัญคือใน 4 วันก่อนเทสลาก็ได้ปรับลดราคา Tesla Model Y ลง
ภายใน 2-3 ปีนี้ทางเทสลามีการลดราคาและเพิ่มราคาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้ราคาของ Tesla ได้กลับมาพอๆกับราคาในปี 2020 ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่สับสนมึนงงว่าจะตัดสินใจซื้อรถเทสลาในช่วงไหนดี กลายเป็นแบรนด์เทสลาก็มีตำแหน่งของแบรนด์ที่ไม่ชัดเจน เพราะก้ำกึ่งระหว่างแบรนด์รถหรูราคาแพง หรือแบรนด์รถใช้งานราคาย่อมเยา
การเปลี่ยนแปลงราคาเหล่านี้ดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและจีนเท่านั้น แต่ไม่มีผลกับภูมิภาคอื่นๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้เราได้เห็นเทสลาตามหลังการปรับลดราคาของสหรัฐและโซนยุโรปดังนั้นบางทีราคาของยุโรปอาจจะสูงขึ้นในไม่ช้าเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
การลดราคาในปีนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่าเทสลากำลังมีปัญหาหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้มีข่าวรถค้างสต็อกกว่า 9,500 คันที่ยังไม่สามารถขายได้ แต่เมื่อบริษัทปรับขนาดการผลิตรถให้เร็วขึ้น หลังจากขึ้นราคามาสองสามปี และในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน เทสลาจึงอาจต้องกระตุ้นยอดสั่งซื้อเพื่อให้ระบายรถและทำการตลาดมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้เทสลาขายดิบขายดีจนไม่ต้องปรับขึ้นหรือลดราคามาเป็นเวลา 2-3 ปี แต่ในปีนี้เทสลาได้ปรับราคาลง แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ช่วยให้คนซื้อเทสลามากขึ้นแต่อย่างใด และรถค้างสต็อกมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ และลูกค้าก็รอไปเรื่อยๆจนกว่าเทสลาจะมีราคาถูกลงเรื่อยๆ
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม ราคาของ Tesla Model 3 และ Tesla Model Y ลดลงสูงสุดถึง 13000 ดอลลาร์สหรัฐ และสองสัปดาห์ต่อมา Tesla Model Y ก็สูงขึ้นถึง 500 ดอลลาร์สหรัฐอีก ซึ่งในขณะนี้การปรับราคาขึ้น 250 ดอลลาร์สหรัฐถือว่าไม่มากนัก แต่อย่างไรขณะนี้ก็ถือเป็นราคาที่พอๆกันกับตอนเทสลาเปิดตัวแรกๆ ขึ้นอยู่ที่ผู้ซื้อพอใจกับราคาปัจจุบันหรือไม่
อย่างไรเราก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเทสลาจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวในการซื้อ การมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีต่างๆที่อาจต้องปรับปรุงและดึงดูดใจผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น เพราะเชื่อว่าเทสลาก็ยังคงมีเทคโนโลยีใหม่ๆที่ล้ำสมัยกว่าแบรนด์อื่นๆมากอยู่ดี เพราะมีทั้งการลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก และอย่างไรอีลอน มัสก์ก็ยังคงเป็นเจ้าพ่อเทคโนโลยีรถ EV อยู่
ที่มา : electrek