Call of Duty จากเกมสงคราม สู่สงครามการค้าระหว่าง Sony และ Microsoft

ฟิล สเปนเซอร์ (Phil Spencer) ซีอีโอของ Microsoft Gaming และหัวหน้า Xbox เผยว่า Microsoft จะไม่ถอดเกม Call of Duty ออกจากบน PlayStation ไปนาน "อีกหลายปี" แม้ว่าจะสิ้นสุดข้อตกลงทางการค้าระหว่าง Sony กับ Activision Blizzard ก็ตาม

โดย ฟิล สเปนเซอร์ ได้ให้คำมั่นอย่างชัดเจนในจดหมายถึง จิม ไรอัน (Jim Ryan) หัวหน้า PlayStation เมื่อต้นปีนี้ ว่า Call of Duty จะไม่หายไปจากแพลตฟอร์ม PlayStation ในทันที หากข้อตกลงมูลค่า 6.87 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.51 ล้านล้านบาท) ของ Microsoft ที่ต้องการจะซื้อ Activision Blizzard ได้รับการอนุมัติโดยหน่วยงานกำกับดูแล

"ในเดือนมกราคม เราได้จัดทำข้อตกลงที่ลงนามกับ Sony เพื่อรับประกัน Call of Duty บน PlayStation ด้วยคุณสมบัติและความเท่าเทียมกันของเนื้อหา อย่างน้อยก็อีกหลายปีหลังจากสัญญาของ Sony ปัจจุบัน ข้อเสนอที่เหนือกว่าข้อตกลงอุตสาหกรรมเกมทั่วไป" ฟิล สเปนเซอร์ กล่าว

ยังไม่ชัดเจนว่า Call of Duty จะยังคงเล่นได้บน PlayStation กันแน่ แต่แน่นอนว่า Microsoft หมายมั่นที่จะปล่อยให้เกม Call of Duty ยังคงสามารถเล่นได้บน PlayStation ต่อไป "อีกอย่างน้อยสองปีถัดไป"

การตลาดของ Sony ข้อตกลงสำหรับแฟรนไชส์อาจหมดอายุในปี 2024 จากนั้น Microsoft ได้ให้คำมั่นต่อสาธารณชนในไปเมื่อ ก.พ. 2022 เพื่อให้ Call of Duty "พร้อมใช้งานบน PlayStation นอกเหนือจากข้อตกลงที่มีอยู่และในอนาคต"

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

• Microsoft เข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 2 ล้านล้านบาท
• สงครามวีดิโอเกมเดือด Sony ไม่น้อยหน้า ซื้อ Bungie Studio สู้ Microsoft
• Sony คิดหนัก สงครามเกมคอนโซลโหด หลัง Microsoft ดีลซื้อ Activision Blizzard

แฟนเกม Call of Duty ยังคงถกเถียงกันว่า Microsoft สามารถทำให้เกมเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Xbox ได้หรือไม่ หากข้อตกลง Activision Blizzard เสร็จสิ้น แถลงการณ์ล่าสุดของ Microsoft ไม่ได้กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก "อีกหลายปี" เหล่านั้น แต่ชัดเจนว่าบริษัทยินดีรับประกัน Call of Duty บน PlayStation เป็นเวลานานกว่าปกติกว่าที่สัญญาไว้

ส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นนั้นคือการบรรเทาความกลัวจากหน่วยงานกำกับดูแลที่กำลังวิเคราะห์ข้อตกลงมูลค่า 6.87 หมื่นล้านดอลลาร์ของ Microsoft เพื่อซื้อกิจการ Activision Blizzard

ทนายความของ Sony และ Microsoft ได้โต้เถียงกันเกี่ยวกับความสำคัญของ Call of Duty ในเอกสารที่ส่งไปยังหน่วยงานกำกับดูแลของสภาบริหารเพื่อการป้องกันเศรษฐกิจของบราซิล (Brazil’s Administrative Council for Economic Defense: CADE) และเห็นได้ชัดว่าเป็นจุดแข็ง

Sony อ้างว่า เป็นเรื่องยากสำหรับนักพัฒนารายอื่นที่จะสร้างแฟรนไชส์ที่เป็นคู่แข่งกับ Call of Duty ของ Activision และโดดเด่น "เป็นหมวดหมู่เกมด้วยตัวของมันเอง"

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

• Microsoft จะเป็นกลางในความพยายามจัดตั้งสหภาพของ Activision Blizzard
• Microsoft ช็อปปิ้งหนัก ไล่กวาดซื้อกิจการเต็มไปหมด ใครจะเป็นรายต่อไป
• จุดยืน EA Games ในสมรภูมิอุตสาหกรรมเกม จะเป็นอย่างไร ?

ทำให้ทาง Microsoft โต้แย้งว่า มันสำคัญว่าทางคู่แข่งจะทำให้เป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ และยังระบุลงในเอกสารที่ส่งให้กับทาง CADE ว่า การไม่จำหน่ายเกมอย่าง Call of Duty ที่ร้านค้าคอนโซลของคู่แข่ง "จะไม่สร้างผลกำไร" ให้บริษัท

Microsoft ระบุว่า กลยุทธ์ที่จะไม่จำหน่ายเกมของค่าย Activision Blizzard บนคอนโซลคู่แข่งจะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อเกมเหล่านั้นสามารถดึงดูดผู้เล่นจำนวนมากเข้าสู่ระบบของ Xbox ได้แล้วเท่านั้น เพื่อสร้างรายรับที่สามารถชดเชยความสูญเสียจากการไม่ขายเกมเหล่านี้บนคอนโซลคู่แข่ง

ความกลัวเกี่ยวกับการผูกขาด Xbox สำหรับ Call of Duty ถูกกระตุ้นหลังจากที่ Microsoft ซื้อค่ายเกม Bethesda เมื่อปีที่แล้ว

Microsoft สัญญาว่าจะรักษาข้อตกลงตามสัญญาที่มีอยู่กับ Sony สำหรับ Deathloop บน PlayStation แต่ยังคงทำ Redfall และ Starfield Xbox และ PC พิเศษ

ความกลัวในการแข่งขันของ Call of Duty ก็มีส่วนสำคัญในหน่วยงานการแข่งขันและการตลาดของสหราชอาณาจักร (UK’s Competition and Markets Authority: CMA) ที่ย้ายไปสอบสวน Activision Blizzard ของ Microsoft อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น

CMA กำลังย้ายไปที่การสอบสวนระยะที่ 2 ซึ่งจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อพิจารณาว่าการควบคุมเกมของ Microsoft เช่น Call of Duty และ World of Warcraft อาจเป็นอันตรายต่อคู่แข่งหรือไม่

การต่อสู้เพื่อแย่งชิง Call of Duty ระหว่าง Xbox และ PlayStation นั้นมีอยู่ตราบเท่าที่แฟรนไชส์มี และทาง Sony ประสบความสำเร็จในข้อตกลงสำหรับเนื้อหาที่สามารถดาวน์โหลดได้ของ Call of Duty

หลังจากที่ Xbox เป็นบ้านดั้งเดิมของ Call of Duty การต่อสู้ดังกล่าวจะดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน เนื่องจากทนายความของ Microsoft และ Sony ยังคงโต้เถียงกันเกี่ยวกับ Call of Duty และหน่วยงานกำกับดูแลพยายามที่จะตัดสินใจว่ามันสำคัญแค่ไหน