Zap-Map ได้ทำการสำรวจเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสหราชอาณาจักร จากการสำรวจพบว่า เจ้าของ EV กว่า 90 เปอร์เซ็นต์จะไม่มีวันกลับไปใช้รถน้ำมันอีก
แม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่ต้องพูดเกี่ยวกับความถูกต้องของแบบสำรวจ วิธีดำเนินการ ดำเนินการที่ไหน ฯลฯ เราเชื่อว่าเจ้าของ EV ส่วนใหญ่ทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะเห็นด้วยกับข้อมูลนี้ ดูเหมือนว่าหายากมากสำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่จะกำจัดรางวัลใหม่และกลับไปใช้น้ำมัน แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนด้วยเหตุผลหลายประการ
โดยผลสำรวจได้เผยว่า เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่กว่า 91% ไม่อยากเปลี่ยนรถ EV เป็นเชื้อเพลิงน้ำมันหรือรถสันดาปอีกแล้ว และมีเพียง 1% ที่บอกว่าจะกลับไปใช้ ส่วนอีก 9% ยังไม่แน่ใจ
แต่ที่น่าสนใจ คือผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเจ้าของ EV คันแรก ซึ่งผู้ใช้กว่าครึ่งได้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าภายในปีที่แล้วนี้ และเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าชื่นชอบและพึงพอใจกับเทคโนโลยี 91% ซึ่งมากกว่าเมื่อเทียบกับ 72% สำหรับเจ้าของรถที่ใช้น้ำมัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ผู้เขียนจึงสงสัยว่าในประเทศไทยมีความคิดเห็นอย่างไรกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จึงได้ทำการสำรวจจากกลุ่ม EV Club Thailand Group กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งได้มีคำถามว่า
คนที่ใช้รถยนต์ EV อยู่ หากจะซื้อรถคันต่อไป จะเลือกอะไร? (จากทั้งหมด 50 คน)
1.BEV หรือ EV (พลังงานไฟฟ้า 100%) ได้รับผลโหวต 97%
2.PHEV หรือ Plug-in Hybrid ได้รับผลโหวต 2%
3.รถยนต์น้ำมันหรือสันดาป (ICE) ได้รับผลโหวต 0%
ซึ่งคนไทยเองส่วนใหญ่ก็ประทับใจในรถยนต์ไฟฟ้า และหากต้องการจะซื้อรถยนต์เพิ่มก็จะเลือกเป็น EV เหมือนเดิม เช่น รถยนต์ไฟฟ้า SUV เป็นต้น
ไม่ใช่เพียงแค่ผลสำรวจนี้ แต่ยังมีการศึกษาโดยช่อง YouTube ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชื่อว่า Fully Charged พบว่าร้อยละ 88 ของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ากล่าวว่าพวกเขาจะไม่เปลี่ยนกลับไปใช้เชื้อเพลิงน้ำมันอีกอย่างแน่นอนหลังจากเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
การสำรวจในต่างประเทศอาจอ้างอิงไม่ได้สำหรับประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามยิ่งเศรษฐกิจในไทยยังคงมีปัญหาเรื่องพลังงานแพงเมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ หากรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาตีตลาดเรื่องความประหยัดค่าเชื้อเพลิง แน่นอนว่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยไม่มีวันอยากกลับไปเสียเงินเติมน้ำมันที่ราคาสูงอย่างแน่นอน
ปัจจุบันในประเทศไทยอาจยังมีปัญหาเรื่องสถานีชาร์จไม่เพียงพอ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้การขยายตัวของการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกำลังกระจายตัวมาถึงประเทศไทย ทำให้สถานีชาร์จอาจมีการรองรับมากยิ่งขึ้นจากองค์กรและบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ซึ่งต้องการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
พร้อมทั้งมีมาตรการส่วนลดจากรัฐบาลในไทย ที่จะช่วยส่งเสริมให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกหรือเทียบเท่ารถยนต์สันดาปหรือน้ำมัน ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วผู้ที่ต้องการซื้อรถคันแรก อาจโฟกัสที่รถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากราคาและค่าเชื้อเพลิงในอนาคตที่ต้องจ่าย