SHORT CUT
หลากหลายพื้นที่บนโลกใบนี้กำลังมุ่งมั่นเข้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด เพราะสร้างความสะดวกสบายให้แก่ประชาชน แต่จะมีประเทศใดบนโลกที่ใกล้เคียงสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดที่สุด และแต่ละประเทศมีจุดเด่นอย่างไรที่ผลักดันทำให้เกิดความก้าวหน้า วันนี้เรารวบรวมมาฝาก
ผู้นำด้านไร้เงินสด แม้ผู้สูงอายุก็เปิดรับเทคโนโลยี ปัจจุบันนี้ ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก หรือยุโรปทางตอนเหนือ เป็นผู้นำในการไม่ใช่เงินสด สาเหตุเนื่องจากพวกเขาล้วนเชื่อมั่นในสถาบันการเงินของรัฐ และเปิดรับเทคโนโลยีดิจิทัลแบบใหม่ แม้กระทั่งในกลุ่มผู้สูงอายุ ข้อมูลจากธนาคารโลกชี้ว่า ในบรรดาประเทศกลุ่มนอร์ดิก นอร์เวย์เป็นประเทศที่ใกล้เคียงกับคำว่า อนาคตแห่งสังคมไร้เงินสดที่สุด เนื่องจาก 98 เปอร์เซ็นต์ของนอร์เวย์มีบัตรเครดิตเป็นของตนเอง และกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของประชากรใช้แอพลิเคชันจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ
นอร์เวย์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการใช้จ่ายเงินสดต่ำที่สุดของโลก เพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ของการทำธุรกรรมซื้อของเท่านั้นถึงใช้เงินสด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้พบว่า ชาวนอร์เวย์เริ่มชะลอการใช้บัตรเครดิต และเปลี่ยนมาเป็นการโอนจ่ายแบบเรียลไทม์มากกว่า
ออกกฎหมายไม่รับเงินสด แต่อัตราการโกงก็เพิ่มขึ้น สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพยายามก้าวเข้าสู่สังคมเงินสด โดยมีการออกกฎหมายว่า ร้านค้าสามารถปฏิเสธการรับเงินสดได้ และธนาคารสวีเดนส่วนใหญ่ไม่รับทำธุรกรรมเงินสดที่สาขา รวมถึงตู้เอทีเอ็ม ซึ่งสวีเดนมีตู้เอทีเอ็มน้อยมาก คือเฉลี่ยเพียงแค่ 32 เครื่องต่อประชากร 1 แสนคนเท่านั้น และกว่า 98 เปอร์เซ็นต์ของชาวสวีเดนมีบัตรเครดิต และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้จ่ายผ่านทางโทรศัพท์มือถือมากที่สุดในโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สวีเดนออกกฎหมายการไม่รับเงินสด ปัญหาการฉ้อโกงผ่านบัตรเครดิตก็เพิ่มมากขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จนทำให้รัฐบาลต้องรีบหาวิธีรับมือ
ตั้งเป้าอีก 5 ปีจะเข้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด ธนาคารกลางของฟินแลนด์คาดการณ์ว่า ฟินแลนด์จะเข้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดภายในสิ้นปี 2029 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า โดยทุกวันนี้ 98 เปอร์เซ็นต์ของชาวฟินแลนด์มีบัตรเดบิตและ 63 เปอร์เซ็นต์มีบัตรเครดิต ส่วนการทำธุรกรรมโดยไม่ใช่เงินสดของฟินแลนด์ คาดว่าแตะราว 60,000 ยูโรเมื่อปี 2022ที่ผ่านมา และ 80 เปอร์เซ็นต์ของชาวฟินแลนด์นิยมจ่ายเงินด้วยบัตรเดบิตที่ร้านค้าแบบมีหน้าร้านมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ชาวฟินแลนด์ทั้งหมดที่ชื่นชอบกับไอเดียการเป็นสังคมไร้เงินสด โดยมีการสอบถามความคิดเห็นประชากรและพบว่า 61 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อในอนาคตสังคมไร้เงินสด 13 เปอร์เซ็นต์ไม่มั่นใจ และมีเพียง 26 เปอร์เซ็นต์ที่เชื่อมั่นในการก้าวสู่สังคมไร้เงินสดของฟินแลนด์
เทคโนโลยีไร้เงินสดสุดล้ำ แต่ประชากรสูงวัยยังไม่ค่อยเปิดรับ หากจะพูดถึงการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด ก็ต้องนึกถึงประเทศจีน เพราะมีปริมาณการใช้จ่ายที่สูงมาก จนกระทั่งธนาคารแห่งประชาชนของจีนต้องออกมาสั่งห้ามธุรกิจห้ามปฏิเสธการใช้จ่ายเงินสด ปัจจุบัน จีนมีแอพลิเคชั่นหลักๆสำหรับการใช้จ่ายออนไลน์สองตัว คือ Alipay และ WeChat pay ซึ่งเปิดตัวในปี 2004 และ 2013 ตามลำดับ ทุกวันนี้ แอพฯทั้งสองตัวทำได้มากกว่าที่เคย คือสามารถซื้อสินค้าได้ตั้งแต่ออนไลน์ ร้านหรู ไปจนถึงร้านรถเข็น และยังสามารถโอนเงินระหว่างบุคคลได้ด้วย
สำหรับระบบเรื่องความปลอดภัย แอพฯเหล่านั้นก็ทำได้มากกว่าเดิม มันมีระบบจดจำใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ และระบบจดจำเสียง ซึ่งทั้งหมดนี้ยังล้ำหน้ากว่าอีกหลายๆประเทศบนโลกใบนี้
ทั้งนี้ ซินหัวรายงานด้วยว่า ปริมาณการใช้เงินสดของจีนลดลงเหลือ 3.7 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนการทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ระบบเหล่านี้ไม่เหมาะกับพลเมืองทั้งหมดในประเทศจีน เพราะประชากรจำนวนมากก็ยังไม่เข้าถึงเทคโนโลยี ดังนั้น ถึงแม้จีนจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้ระบบจ่ายเงินแบบไร้เงินสดที่ดีที่สุดของโลก แต่ก็ยังไม่ครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ ผู้สูงอายุชาวจีนยังคงนิยมใช้เงินสดมากกว่า ซึ่งรัฐบาลเองก็มีความพยายามที่จะให้ความรู้เพื่อให้กลุ่มผู้สูงอายุหันมาใช้ระบบไร้เงินสดด้วย
ปริมาณการใช้จ่ายเงินสดต่ำที่สุดในเอเชียแปซิฟิก สภาพัฒนาบริการการเงินของฮ่องกงคาดการณ์ว่า ภายในปี 2024 นี้ ประมาณการใช้จ่ายเงินสดจะน้อยกว่า 1.6 เปอร์เซ็นต์ของการทำธุรกรรมซื้อขาย โดยตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดแล้วในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และลดลงจาก 9 เปอร์เซ็นต์ในปี 2019 ขณะที่เมื่อปี 2019 วิธีการจ่ายเงินออนไลน์ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือการใช้บัตรเครดิต แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงปี 2024 คาดว่า การใช้ดิจิทัลวอลเล็ต หรือกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลจะได้รับความนิยมมากกว่า
ฮ่องกงก็เป็นเหมือนหลายพื้นที่ทั่วโลก ที่การใช้เงินสดเริ่มลดลงเรื่องจากการค้าออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลังจากการระบาดของโควิด 19 และทางการฮ่องกงก็ส่งเสริมให้มีการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่นAlipayHK, WeChat Pay HK และ Tap & Go เป็นต้น
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในพื้นที่ของโลกที่เริ่มใช้ระบบไร้เงินสด โดยริเริ่มเมื่อปี 1997 กับบัตร Octopus ซึ่งตอนแรกใช้สำหรับขนส่งมวลชน แต่ปัจจุบันได้ขยายไปจนใช้จ่ายอื่นๆได้ด้วย
มือถือเครื่องเดียวจ่ายได้ทุกอย่าง เกาหลีใต้กำลังเดินนโยบายการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมไร้เงินสด โดยจำนวนชาวเกาหลีใต้ที่ไม่ใช้เงินสดมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าโทรศัพท์มือถือของพวกเขาสามารถใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบายมากกว่าเดิม ข้อมูลจากธนาคารแห่งเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ชาวเกาหลีใต้หันมาใช้กระเป๋าสตางค์ออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยจำนวนเฉลี่ยรายวันของการทำธุรกรรมแบบไร้เงินสดเพิ่มขึ้น 13.4 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อปีก่อนหน้านั้น
การขยายตัวของการใช้กระเป๋าสตางค์ออนไลน์เกิดจากการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกทั้งของเกาหลีใต้และต่างชาติ เช่น Samsung, Naver Financial และ Apple ก็มุ่งพัฒนาระบบการจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในประเทศ ซึ่งบริการดังกล่าวก็ส่งผลทำให้ยอดการใช้แอพลิเคชั่นจ่ายเงินออนไลน์ของบริษัทเหล่านั้นเพิ่มขึ้น ทั้ง Samsung Pay, LG Pay และ Apple Pay
ที่มา : telegraph,obaninternational
ข่าวที่เกี่ยวข้อง