เมื่อ IFA วิเคราะห์ ดีล AIS ซื้อกิจการ 3BB คือการปลดล็อก 2 เด้งให้แก่ JAS ทั้งสถานะการเงินที่สุ่มเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนในธุรกิจใหม่
หลังจาก AIS ประกาศเข้าซื้อหุ้น 3BB มูลค่า 19,500 ล้านบาท จาก บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ จัสมิน หรือ JAS และยังเข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน JASIF ในสัดส่วน 19% คิดเป็นมูลค่า 12,920 ล้านบาท
เหตุผลที่ AIS เข้าซื้อหน่วยลงทุนนี้ เพราะทาง 3BB ยังเช่าโครงข่ายสัญญาณไฟเบอร์จากกองทุนดังกล่าว สรุปมูลค่าดีลครั้งนี้ AIS ต้องใช้เงินลงทุนเป็นเงินจำนวน 32,420 ล้านบาท
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด ดิสคัฟเวอร์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระหรือ IFA ได้มีรายงานความคิดเห็นเสนอต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS
โดยได้วิเคราะห์ถึงประโยชน์ที่ทาง JAS จะได้รับหากดีลการซื้อขายครั้งนี้ผ่านผลโหวตอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในที่ประชุม จนถึงราคาของหุ้น TTTBB และราคาของหน่วยลงทุนในกองทุน JASIF ที่ทาง AIS ได้เข้าทำธุรกรรมในการซื้อนั้น เป็นราคาสมเหตุสมผลหรือไม่
โดยทางที่ปรึกษาการเงินได้คำนวณราคาหุ้นของ 3BB และหน่วยลงทุนกองทุน JASIF โดยพิจาราณาทั้งในแง่มูลค่าหุ้นปัจจุบันและกระแสเงินสดของทั้ง 2 รายการ จนถึงความเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกันในศักยภาพในการสร้างรายได้ในอนาคตโดยอ้างอิงจากผลการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาของ 3BB โดยได้ข้อสรุปว่า AIS ที่ซื้อหุ้น TTTBB ในสัดส่วน 99.87% มูลค่า 19,500 ล้านบาท และการซื้อหน่วยลงทุนกองทุนกองทุน JASIF ในสัดส่วน 19% คิดเป็นมูลค่า 12,920 ล้านบาท เป็นราคาที่สมเหตุสมผล
ขณะเดียวกันการเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อปัจจุบันธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านมีการแข่งขันสูง จนส่งผลประทบให้ลูกค้า 3BB ลดลงอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาซื้อกิจการของ AIS พร้อมกับขอให้ทางกองทุน JASIF ช่วยลดค่าเช่าสัญญาณโครงข่ายไฟเบอร์ ก็จะทำให้ 3BB มีต้นทุนทางธุรกิจลดลง ทำให้มีศักยภาพในการแข่งขันทางด้านราคาและโปรโมชั่น จนถึงโอกาสที่ทาง AIS สามารถนำธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านมาช่วยสนับสนุนในแง่การตลาดเพื่อทำให้ 3BB กลับมามีกำไรอีกครั้ง
ขณะเดียวกันการที่ JAS ตัดสินใจขายธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน 3 BB และหน่วยลงทุนในกองทุน JASIF เมื่อหักค่าใช่จ่ายต่างๆ จะทำให้ JAS รับรู้รายได้มหาศาลจากดีลนี้ได้ทันที ผลที่ตามมาก็คือจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนหรือ D/E Ratio ดีขึ้นกว่าเดิมมาก หรือจะนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้สถาบันการเงินและหุ้นกู้ ทำไม่ให้เกิดการผิดชำระหนี้ เพราะหากผิดชำระหนี้เหล่านี้ ก็มีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่ทาง JAS จะถูกระงับการซื้อ - ขาย จนถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นเอง
และด้วยมูลค่าดีลมหาศาลในการขายกิจการ 3 BB เมื่อนำไปจ่ายหนี้สินต่างๆ ก็น่าจะทำให้ทาง JAS เหลือเงินลงทุนก้อนใหญ่เพื่อนำไปใช้ลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ได้เช่นกัน ในมุมกลับกันหากทาง JAS เลือกจะดำเนินธุรกิจ 3BB ที่ปัจจุบันจำนวนลูกค้าและรายได้ลดน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ผลขาดทุนสะสมของ 3 BB ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้มีการวิเคราะห์จากสื่อต่างๆ ว่า ในอนาคต 3BB อาจจะไม่สามารถจ่ายค่าเช่าโครงข่ายสัญญาณให้แก่กองทุน JASIF และถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะส่งผลกระทบในการจ่ายผลตอบแทน ของผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุน JASIF ในอนาคตนั้นเอง ซ้ำร้ายหากยังปล่อยให้ปัญหานี้เรื้อรังไม่ได้รับการแก้ไขก็อาจทำให้ กองทุน JASIF ต้องปิดฉากลง กลายเป็นฝันร้ายของผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุน JASIF
อย่างไรก็ตามแม้ดีลครั้งนี้จะทำให้ทาง JAS สูญเสียรายได้หลักจากธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านและอาจส่งผลต่อรายได้ในอนาคตของบริษัทที่ไม่แน่นอนแต่…ก็อย่าลืมว่าเงินจากการขายกิจการ 3BB ครั้งนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ที่เป็นเสมือนใบเบิกทางให้ทาง JAS ปลกล็อกสถานะการเงินที่สุ่มเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงของบริษัท และ หากแก้ไขปัญหาตรงนี้แล้ว ก็น่าจะเหลือเงินลงทุนอีกก้อนหนึ่งที่มากพอที่ทาง JAS สามารถนำไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มองว่าเป็นโอกาสสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทในอนาคต
อีกทั้งการที่ผู้ถือหุ้น JAS จะโหวตผ่านการขายบริษัทย่อยทั้ง 3BB และ JASIF ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ในเมื่อมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือคุณพิชญ์ โพธารามิก ซึ่งถือหุ้นกว่า 54% ในขณะที่การโหวตให้ผ่านในที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้องการเสียงเพียง 3 ใน 4 เท่านั้น ซึ่งขาดอีกเพียงเล็กน้อย …….
Reference : รายงานความคิดเห็นที่ปรึกษาการเงินอิสระ บริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด