อาการปวดท้องเป็นอีกอย่างที่หลายคนอาจละเลย เพราะซื้อยามากินแล้วก็หาย แต่เราควรสังเกตตัวเองด้วยว่าตำแหน่งปวดท้องอยู่ที่ตำแหน่งไหนซึ่งตำแหน่งที่ปวดนั้นสามารถบอกโรคได้
อาการปวดท้องและตำแหน่งที่ปวดสามารบอกถึงอาการผิดปกติของอวัยวะที่แตกต่างกัน
ตำแหน่งด้านขวาบน
"นิ่วในถุงน้ำดี"
ปวดท้องขวาบน หลังกินอาหารมื้อหลัก ถ้าปวดท้องไม่หายอาจจะเป็นถุงน้ำดีอักเสบ
ตำแหน่งด้านขวาล่าง
- ไส้ติ่งอักเสบ
เริ่มปวดที่ลิ้นปีหรือกลางสะดือและย้ายมาขวาล่าง อาจมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียนและท้องเสีย
ตำแหน่งด้านซ้ายบน
- ตับอ่อนอักเสบ
มีอาการปวดมากจนทะลุไปถึงด้านหลัง
- นิ่วในท่อไต
ถ้าไตอักเสบจะมีอาการปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะแสบขัดหรือมีเลือดปน
ตำแหน่งด้านซ้ายล่าง
- การอักเสบเฉียบพลันของลำไส้โป่งพองเป็นกระเปาะ
- ปีกมดลูกด้านซ้ายอักเสบ
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
ตำแหน่งบริเวณรอบสะดือ
ตรงกับตำแหน่งลำไส้เล็ก มักจะมีอาการปวดบิด ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน หากกดแล้วปวดมากอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ ปวดจนทนไม่ไหวให้พบแพทย์ทันที
ตำแหน่งท้องน้อย
- ปวดตรงตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะ และมดลูก
- ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปวดเวลาปัสสาวะ อาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ปวดท้องน้อย มีไข้สูง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจจะเป็นมดลูกอักเสบ
- ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน มีอาการปวดเรื้อรัง แสดงว่ามดลูกมีปัญหา
ปวดท้องแบบไหนควรรีบไปพบแพทย์
- ปวดนานมากกว่า 6 ชั่วโมงแล้วอาการเป็นมากขึ้น
- กินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลด ตัวเหลือง
- ปวดท้องและอาเจียนอย่างมาก มากกว่า 3-4 ครั้ง
- ปวดท้องมากขึ้นเมื่อขยับตัว
- ปวดที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา
- ปวดมากจนต้องตื่นตอนหลับ
- มีเลือดออกจากช่องคลอด
- มีไข้ร่วมด้วย
Cr.
อ. พญ.ศุกมาส เชิญอักษร สาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล / www.khonkaenram.com