โรคไฟโบรมัยอัลเจีย เป็นโรคที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหู แต่รู้ไหมว่าจากการสำรวจพบว่าอาการปวดที่เรื้อรัง นำไปสู่อาการทางด้านจิตใจในเรื่องความรู้สึกกลุ้มใจ วิตกกังวล ขาดสมาธิ และโรคนี้มักใช้เวลาในการวินิจฉัยโรคจึงทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นออฟฟิศซินโดรม
โรคไฟโบรมัยอัลเจีย ผู้ป่วยมักมีอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูกที่ไม่เกิดการอักเสบเป็นวงกว้างและเรื้อรัง มักมีอาการร่วมทั้งทางร่างกายและจิตใจ จึงยากต่อการรู้แต่เนิ่นๆ หลายคนมักเข้าใจผิดว่าอาการปวดของโรคนี้เป็นออฟฟิตซินโดรม ซึ่งอาการปวดของโรคไฟโบรมัยอัลเจียจะมีอาการปวดทั้งตัว ส่วนอาการปวดของออฟฟิศซินโดรมจะเป็นเฉพาะบริเวณ
พญ.อุไรรัตน์ ศิริวัฒน์เวชกุล แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลเมดพาร์ค กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยในระยะ 30 มานี้เชื่อว่า ผู้ป่วยไฟโบรมัยอัลเจียมีปัจจัยบางอย่างกระตุ้นให้ระบบประสาทส่วนกลางทั้งสมองและไขสันหลัง มีความไวต่อความปวดมากกว่าปกติ และมีระดับของสารเคมีในสมองและไขสันหลังผิดปกติเหนี่ยวนำให้ตอบสนองต่อความปวดมากกว่าปกติด้วย โดยสามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และหากมีโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรค SLE ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะเป็นไฟโบรมัยอัลเจียมากขึ้นไปด้วย
เนื่องจากไฟโบรมัยอัลเจียมีอาการและอาการร่วมหลากหลายจึงทำให้ผู้ป่วยมักได้รับการวินิจฉัยโรคช้า มักผ่านการตรวจหลายอย่างและพบแพทย์หลายท่าน อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยไฟโบรมัยอัลเจียอาศัยการซักประวัติตรวจร่างกาย ตรวจเลือดและตรวจทางรังสีเพื่อหาโรคอื่นๆที่มีอาการซ้ำซ้อนกัน ตลอดจนติดตามการรักษาระยะหนึ่งก็จะให้การวินิจฉัยได้
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
ICE Lab เทคโนโลยีบำบัดด้วยความเย็นติดลบ -110 องศา ฟื้นฟูร่างกายจากภายใน
ทีมแพทย์ เผยวิจัยเบื้องต้น ยาทางเลือกได้ผลดีกว่าฟาวิพิราเวียร์
จากการจัดทำแบบสำรวจ Elma รูปแบบออนไลน์ของบริษัท เวียร์ทริศ (ประเทศไทย) จำกัดใน 6 ประเทศ ได้แก่ บราซิล จีน เม็กซิโก ไต้หวัน ไทย และตุรกี โดยมีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยโรคไฟโบรมัยอัลเจียร่วมตอบแบบสอบถาม 553 คน เปิดเผยเส้นทางที่ซับซ้อนในการวินิจฉัยโรค ความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง และวิธีการรับมือกับอาการของโรค ที่มีสัญญาณเริ่มต้น ได้แก่ อาการปวดเรื้อรัง อ่อนเพลีย และปวดศีรษะ ซึ่งส่วนใหญ่สร้างความรำคาญใจอย่างมากหรืออย่างยิ่ง”
ผลการสำรวจผู้ป่วยไฟโบรมัยอัลเจียชาวไทยพบว่า ก่อนเข้ารับการวินิจฉัย 6 ใน 10 ของผู้ป่วย หรือ 63% เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย จากนั้นมีอาการปวดเรื้อรัง 40% และกระจายตามร่างกายที่หลากหลาย 46% เกือบ 2 ใน 3 หรือ 64% มีอาการปวดศีรษะ นำไปสู่โรคนอนไม่หลับ 53% และ วิตกวังวล 48% มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยรู้สึกกลุ้มใจ วิตกกังวล และมีภาวะซึมเศร้า สำหรับผู้ป่วยไทยอาการทางอารมณ์ร่วมที่พบบ่อยคือการขาดสมาธิ 28%
ผู้ป่วยโรคไฟโบรมัยอัลเจีย มักไม่ใส่ใจอาการเนื่องจากคิดว่าเป็นภาวะชั่วคราวและเกี่ยวข้องกับอายุที่มากขึ้น แม้ว่าการทำกิจกรรมส่วนใหญ่ทั้งทางสังคมและการพักผ่อนจะได้รับผลกระทบเพราะร่างกายที่อ่อนแอ ในผู้ป่วยทั่วโลก 1 ใน 2 รายรู้สึกว่าจำเป็นต้องจำกัดชีวิตการทำงาน 48% และกิจกรรมทางเพศกับคู่ครอง 47% ขณะที่ผู้ป่วยไทยมีการจำกัดกิจกรรมมากกว่าค่าเฉลี่ยที่ 65%
ผู้ป่วยมากกว่าครึ่งประสบปัญหาในการรับมือกับโรคนี้ทั้งในแง่อารมณ์และการปฏิบัติ โดย 58% ระบุว่าคุณภาพชีวิตได้รับผลกระทบทั้งหมดหรืออย่างมาก ผู้ป่วยอย่างน้อย 1 ใน 3 ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันอย่างมีนัยสำคัญหรือแม้แต่การเลิกรากันไป กว่า 60% ของผู้ป่วยระบุว่ามีความลำบากในการรับมือทั้งในระดับอารมณ์และในทางปฏิบัติ ผู้ป่วย 5 ใน 10 คนต้องการการสนับสนุนจากครอบครัว โดยเฉพาะการดูแลและการเคลื่อนไหว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์
เนื่องจากไฟโบรมัยอัลเจียมีอาการและอาการร่วมหลากหลายจึงทำให้ผู้ป่วยมักได้รับการวินิจฉัยโรคช้า มักผ่านการตรวจหลายอย่างและพบแพทย์หลายท่าน อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยไฟโบรมัยอัลเจียอาศัยการซักประวัติตรวจร่างกาย ตรวจเลือดและตรวจทางรังสีเพื่อหาโรคอื่นๆ ที่มีอาการซ้ำซ้อนกัน ตลอดจนติดตามการรักษาระยะหนึ่งก็จะให้การวินิจฉัยได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาไฟโบรมัยอัลเจียคือการให้ความรู้ความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วยเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน กลัวและวิตกกังวล หรือท้อแท้ ผู้ป่วยควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาในแต่ละขั้นตอนโดยมีเป้าหมายเพื่อลดอาการปวด ปรับปรุงสุขภาพกายโดยรวมและดูแลสุขภาพจิตใจ สู่คุณภาพชีวิตที่ดี
วิธีรักษาโรคไฟโบรมัยอัลเจีย
การรักษาด้วยยา จะมีบทบาทในการลดอาการปวด มีให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมแล้วแต่อาการหลักอันไหนเด่น ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรหายามารับประทานเอง นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาพบว่าในไฟโบรมัยอัลเจีย การรักษาโดยไม่ใช้ยามีความสำคัญไม่แพ้การใช้ยาและแนะนำให้ใช้ก่อนหรือร่วมไปกับการใช้ยา เช่น พิลาทิสเป็นการออกกำลังที่ไม่มีแรงกระแทกที่หนัก (low impact exercise) ช่วยให้กระตุ้นมัดกล้ามเนื้อที่ถูกต้องได้ดีขึ้นโดยที่ไม่ทำให้เหนื่อยเกินไป และสามารถช่วยลดอาการปวดของโรคไฟโบรมัยอัลเจียได้ นอกจากนี้ยังมีการออกกำลังกายทั้งบนบกและในน้ำ โยคะ ชี่กง การรำมวยจีน กายภาพบำบัด การนวด การฝึกสมาธิ ตลอดจนจิตบำบัด เพื่อรับมือกับความปวดเรื้อรัง
การดูแลรักษาไฟโบรมัยอัลเจีย ไม่ได้มีความยุ่งยาก ไม่ต้องใช้เครื่องมือซับซ้อนใดๆ หากแต่เป็นงานร่วมกันของแพทย์กับผู้ป่วย และต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก็จะสามารถทำให้อาการสงบลงได้ สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ