svasdssvasds

รู้ไหมว่า กลิ่นปาก เป็นสัญญาณบ่งบอกสุขภาพได้ด้วย

รู้ไหมว่า กลิ่นปาก เป็นสัญญาณบ่งบอกสุขภาพได้ด้วย

กลิ่นปาก เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนเสียความมั่นใจ ซึ่งเรื่องนี้อาจมาจากหลายสาเหตุทั้งอาหาร การดูแลความสะอาดในช่องปาก และนอกจากกลิ่นปากจะส่งผลกับบุคลิกภาพแล้วยังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงสุขภาพของเราด้วย

รู้ไหมว่า กลิ่นปาก เป็นสัญญาณบ่งบอกสุขภาพได้ด้วย

สาเหตุของกลิ่นปาก

-กลิ่นปากเกิดจากเชื้อแบคทีเรียในปาก ทำการย่อยสลายสารประกอบประเภทโปรตีนที่ตกค้างอยู่ในช่องปาก เมื่อมีการย่อยสลาย เศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามส่วนต่างๆ ของช่องปากจะส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น

-การสูบบุหรี่

-การกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม เครื่องเทศ หัวหอม เป็นต้น

นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้สาเหตุของกลิ่นปากยังพบได้จากปัญหาอื่นๆในช่องปาก เช่น ฟันผุเป็นรูลึก ภาวะปากแห้ง น้ำลายน้อย รวมถึงโรคทางระบบต่างๆ เช่นไซนัส ต่อมทอนซิล โรคปอด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคกระเพาะอาหารอักเสบ รวมถึงการสูบบุหรี่ การกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม เครื่องเทศ หัวหอม เป็นต้น

เนื้อหาที่น่าสนใจ :

กลิ่นปาก ยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคอื่นๆ ด้วย

ทันตแพทย์หญิงสุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม ได้กล่าวถึงสาเหตุสำคัญของกลิ่นปาก และกลิ่นปากบ่งบอกถึงสัญญาณของโรคอะไรบ้างดังนี้

-ปัญหาสุขภาพภายในช่องปาก จากการที่มีเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ตกค้างอยู่ตามซอกฟัน ลิ้น ร่องเหงือก และบริเวณฟันผุเป็นรูลึก

-โรคปริทันต์อักเสบ มักมีคราบฟันและหินปูนสะสม ที่เกิดจากการทำความสะอาดช่องปากที่ไม่ทั่วถึง ทำให้กลิ่นปากรุนแรงยิ่งขึ้น

-ภาวะปากแห้ง น้ำลายน้อย ก็ทำให้การชะล้างจุลินทรีย์และเศษอาหารได้น้อยลง เกิดการหมักหมมได้มากขึ้น ซึ่งการที่มีน้ำลายน้อยอาจมีสาเหตุมาจากสภาวะของร่างกายเอง  ผลจากยาที่ทานประจำ หรือการดื่มน้ำไม่เพียงพอ   

-โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากการมีน้ำมูกไหลลงคอทางด้านหลังโพรงจมูก และการมีเศษอาหารติดอยู่ตามร่องของต่อมทอนซิล

-โรคไซนัส

-โรคปอด

-ต่อมทอนซิลอักเสบ

-โรคเบาหวาน

-โรคเกี่ยวการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย การรับประทานที่มีกลิ่น ซึ่งสามารถขับออกมาทางลมหายใจ เช่น กระเทียม ทุเรียน หัวหอม เครื่องเทศ

การป้องกันและดูแลเรื่องกลิ่นปาก

-ใช้น้ำยาบ้วนปากและลูกอมระงับกลิ่นปาก

-ควรดูแลทำความสะอาดช่องปากให้ทั่วถึง รวมทั้งร่องลึกบนลิ้นและโคนลิ้น

-หากมีฟันปลอมก็ควรถอดล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร

-ดื่มน้ำให้เพียงพอไม่ปล่อยให้ปากแห้ง

-ควรพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก ทำการรักษาฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบ ขูดหินปูน รวมทั้งรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี

 

Cr. สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์