svasdssvasds

เทียบปริมาณการบ้าน เด็กไทย และ ต่างประเทศ ไทยอยู่จุดไหนในโลก?

เทียบปริมาณการบ้าน เด็กไทย และ ต่างประเทศ ไทยอยู่จุดไหนในโลก?

การบ้าน จำเป็นอยู่มั้ย? เปิดปริมาณ การบ้าน ของไทย และ ต่างประเทศ ของไทยอยู่จุดไหนในโลก ? ล่าสุดมีข่าวใหญ่ว่า จีนออกกฎหมาย ยกเลิกสั่งการบ้านเด็กเพิ่ม ลดความเครียดจาก การบ้าน และ การเรียนพิเศษ เน้นให้เด็กได้ออกกำลัง ใช้เวลาเพื่อค้นหาตัวตน

เปิดปริมาณ ' การบ้าน ' ของเด็กไทย และ ต่างประเทศ  ไทยอยู่จุดไหนในโลก ?

ล่าสุดมีข่าวใหญ่ว่า ประเทศจีน เพิ่งออกกฎหมาย ยกเลิกสั่งการบ้านเด็กเพิ่ม เพื่อลดความเครียดจาก การบ้าน และ การเรียนพิเศษ เน้นให้เด็กได้ออกกำลัง ใช้เวลาเพื่อค้นหาตัวตน โดยคณะกรรมการ ประจำสภาประชาชนแห่งชาติ และยังบังคับพ่อแม่ ใช้เวลากับลูกมากขึ้น ให้เด็กได้ค้นหาตัวเอง มากไปกว่าการจมอยู่กับการบ้าน ที่เต็มไปด้วยปริมาณ แต่ ยากจะได้คุณภาพ

 

เสียงตอบรับ 2 ด้าน
ชื่นชม หรือ ยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำ 

 แม้จะดูเหมือน เหลื่อมล้ำน้อยลง  เพราะ ไม่มีการเรียนพิเศษ เป็น Option เสริม สำหรับคนมีกะตัง เด็กทุกคน จะเก่งได้ จากแค่ความรู้ในห้องเรียน เท่านั้น แต่ ...

- ผู้ปกครองพร้อม มองว่าดี จะได้อยู่กับลูกมากขึ้น ลูกไม่เครียด และพวกเขาส่งลูกๆเข้าโรงเรียนดีพร้อมได้ ยกเลิกการเรียนพิเศษ ก็จ้างคนมาดูแลลูกนอกเวลาเรียนได้

- แต่ผู้ปกครองที่หาเช้า กินค่ำ อาจต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะหลังทำงานหนัก ก็ยังต้องกลับมาดูแลลูก เด็กบางคน อาจต้องอยู่คนเดียว

เช่น ผู้ปกครองชาวจีนท่านหนึ่ง บอกว่า (อ้างอิงจาก นสพ. South China Morning Post ) 

 “ฉันทำงาน 9 โมงเช้า - 3 ทุ่ม    6 วันต่อสัปดาห์ กลับมาบ้านตอนกลางคืน  ฉันต้องกลับมาสอนลูกๆอีกเหรอ?” 

แน่นอนเรื่องนี้ไม่มีใครผิด และ ไม่มีใครถูก

ความแตกต่างของแต่ละครอบครัว จริงทุกประเทศ

ยังไม่รู้สุดท้ายผู้ปกครองชาวจีนจะรับมือยังไง

แต่เรามาดู ปริมาณ การบ้าน เด็กไทย เทียบกับ ทั่วโลก เล่นๆหน่อยดีกว่า เป็นอย่างไร?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เริ่มที่ ประเทศฟินแลนด์ ที่ การศึกษา ดีที่สุดในโลก 

www.globish.co.th ให้ข้อมูลว่า

ที่นั่น นักเรียนเขา ไม่มีการบ้าน 
และนั่นทำให้ นักเรียนในฟินแลนด์เป็น
“นักเรียนที่มีคุณภาพที่สุดในโลก” 

เริ่มต้นเมื่อปี 1960s ในทดสอบวัดระดับการศึกษาโลก  ฟินแลนด์อยู่อันดับท้าย ๆ รับไม่ได้  จึงลองอยู่หลายไอเดีย จนขึ้นเป็นอันดับ 1 

      เพราะการให้การบ้านเยอะ ปิดกั้นการเรียนรู้ เด็กๆ ควรมีเวลาวิ่งเล่นและพบบางอย่างจนเกิดความสงสัย หรือเกิดจินตนาการ จนอยากหาคำตอบ  พัฒนากลายเป็น  ความชอบ หรืองานอดิเรกในอนาคต

       แต่จริงๆมี แต่น้อยมาก ทำ 5 - 20 นาที และให้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ครอบครัว ให้ได้ เล่นกีฬา  เล่นดนตรี วาดรูป  เขียนบทกวี ที่ผู้ใหญ่หลายคนในประเทศอื่นอาจมองว่าไร้สาระ  แต่คือสิ่งที่กลับช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่สนใจจริงๆ 
 

สหรัฐอเมริกา 

แม้การบ้านเยอะ  เน้น คิด เขียน วิเคราะห์ ตีความ  แบบ “Critical thinking”  เพื่อให้วิเคราะห์เป็น มีความคิดเป็นของตัวเอง
 

 

ญี่ปุ่น
การบ้านเยอะจริง  แต่เน้นทบทวนบทเรียนวันนี้ และ เตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้


เด็กไทย ล่ะ?
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  เก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2547

ประถมฯ 1 - 3 ให้ทำ  30 นาทีไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ประถมฯ 4 - 6 ให้ทำ  1 ชั่วโมงไม่เกิน 1 ชั่วโมง 30 นาที
มัธยมฯ 1 - 6 ไม่เกิน 2 ชั่วโมง
แต่จะแบบไหน ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนมากๆ

 

แล้วการบ้าน ควรมีอยู่ไหม?
       งานวิจัย Oxford learning พบ ถ้าให้การบ้านในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยพัฒนาความเข้าใจเนื้อหาที่ถูกต้องมากขึ้น ทำให้เด็กๆไม่ลืมเนื้อหาที่เรียน แต่สิ่งสำคัญคือ อาจจะต้องปรับให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัยด้วย สรุปคือ การบ้านมีประโยชน์ แต่ไม่ควรเน้น ปริมาณเยอะ แต่ควรเน้นให้ คุณภาพ แน่นมากกว่า

related