วันที่ 3 กันยายน คือ วันตึกสูงระฟ้า (Skyscraper Day) ซึ่งเพื่อเป็นการระลึกถึง หลุยส์ ซัลลิแวน ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 1856 โดยหลุยส์ ซัลลิแวน เป็นนักทฤษฎี นักคิด และเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของสัญชาติอเมริกัน และเขาคือ บิดาแห่งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่
3 ก.ย. วันตึกระฟ้า Skyscraper Day
.
วันที่ 3 กันยายน ถือเป็น วันตึกสูงระฟ้า : Skyscraper Day เพื่อเป็นการระลึกถึง หลุยส์ ซัลลิแวน ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 1856 โดยหลุยส์ ซัลลิแวน เป็นนักทฤษฎี นักคิด และเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของสัญชาติอเมริกัน
.
หลุยส์ ซัลลิแวน เป็น หุ้นส่วนกับ ดังก์มาร์ แอดเลอร์ (Dankmar Adler) วิศวกรชื่อดังแห่งยุค คริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดย หลุยส์ ซัลลิแวน เป็นคนวางรากฐานของสิ่งที่เรียกว่าสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในปัจจุบัน จนทำให้ หลุยส์ ซัลลิแวน ได้รับการขนานนามว่าเป็น บิดาแห่งตึกระฟ้า หรือ บิดาแห่งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ (โมเดอร์นิสม์) นอกจากนี้ หลุยส์ ซัลลิแวน ยังเป็นศาสตราจารย์ผู้มีอิทธิพล และ เขายังสอน แฟรงค์ ลอยด์ ไรท์ (Frank Lloyd Wright) ปรมาจารย์สถาปนิก ที่มีชื่อเสียงมากๆของสหรัฐอเมริกา อีกด้วย
.
ปัจจุบัน แม้ หลุยส์ ซัลลิแวน จะจากโลกนี้ไปตั้งแต่ปี 1924 แต่เวลาในช่วงเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา จนถึงปี 2021 นวัตกรรมต่างๆก็เจริญรุดหน้าไปมาก ความสร้างสรรค์ความครีเอตของสถาปนิกก้าวไปไกลมาก จนกระทั่งวันนี้ โลกเรามีตึกที่สูงจากพื้นดิน เกิน 800 เมตรไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สายการบิน Emirates โฆษณา ด้วยการให้นางแบบยืน บนยอดตึก ที่สูงที่สุดในโลก
"Sky Pool" สระว่ายน้ำลอยฟ้าแห่งแรกของโลก - เชื่อม 2 ตึก คนลอนดอนแห่คลายร้อน
ทำความรู้จัก 10 ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก
.
ปัจจุบัน โลกได้หมุนมาถึง 97 ปีแล้ว นับตั้งแต่ หลุยส์ ซัลลิแวน เสียชีวิตไป โลกใบนี้ได้มีตึกระฟ้า Skyscraper Day ที่มีชื่อเสียงมากมาย อย่างที่รู้จักกันดี อาทิ ตึกเอ็มไพร์ สเตท ที่สหรัฐ ,ตึกแฝดเปโตรนาส ที่มาเลเซีย แต่เชื่อหรือไม่ ? ตึกที่มีชื่อเสียงเล่านี้ ไม่ติดเป็นหนึ่งในสิบอาคารที่สูงที่สุดในโลก ณ ปี 2021 แล้ว โดยปัจจุบัน ตึกหรืออาคารที่สูงที่สุดมีดังนี้...
อันดับ 1 : เบิร์จ คาลิฟา : สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
.
เบิร์จ คาลิฟา ตึกสูงในมหานครดูไบ ประเทศยูเออี ครองสถิติตึกที่สูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ด้วยสถิติความสูงที่ 828 เมตร หรือ 2,717 ฟุต มีทั้งหมด 163 ชั้น สร้างเสร็จเมื่อปี 2009 และเปิดใช้ในปี 2010 ข้างในมีโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร อีกทั้งจุดชมวิว ส่วนไฮไลท์ของที่นี่คือ ความเร็วลิฟต์ ซึ่งได้ชื่อว่าเร็วมากของโลก เพราะใช้เวลาเดินทางไปยังชั้นชมวิวที่ 124 ภายในเวลาแค่ 1 นาที เท่านั้น
เบิร์จ คาลิฟา ตึกที่สูงที่สุดในโลก
อันดับ 2 เซี่ยงไฮ้ ทาวเวอร์ : จีน
.
เซี่ยงไฮ้ ทาวเวอร์ ตึกแห่งนี้ตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกแห่งของจีน โดยความสูงของตึกจะอยู่ที่ 632 เมตร หรือราว 2,073 ฟุต มีทั้งหมด 128 ชั้น โดยข้างในจะประกอบไปด้วย สำนักงาน โรงแรม และพื้นที่ค้าปลีก อีกทั้งยังมีจุดชมวิวสวย ๆ บนตึกอีกด้วย และที่สำคัญตึกนี้ มีการออกแบบภายนอกให้เป็นรูปเกลียวอีกด้วย
เซี่ยงไฮ้ ทาวเวอร์
อันดับ 3 อับราจ อัล เบท ทาวเวอร์ส คอมเพล็กซ์ : ซาอุดีอารเบีย
.
ตึกนี้ มีอีกชื่อหนึ่งคือ โรงแรมแห่งหอนาฬิกามักกะฮ์ มี ความสูงที่ 601 เมตร หรือ 1,971 ฟุต มีจำนวนชั้นทั้งหมด 120 ชั้น สร้างเสร็จเมื่อปี 2012 ตึกจะประกอบไปด้วยศูนย์การค้าต่าง ๆ โรงแรม ศูนย์การประชุมต่าง ๆ อีกทั้งยังมีห้องละหมาดขนาดใหญ่รองรับได้ถึง 3,800 คน ส่วนจุดเด่นของตึกนี้คอจะมีนาฬิกาขนาดใหญ่ เด่นตระหง่านตัดกับสีของน้ำตาลทองและสีฟ้าเทอร์ควอยส์อย่างลงตัว
โรงแรมแห่งหอนาฬิกามักกะฮ์
4. ผิง อัน อินเตอร์เนชั่นแนล ไฟแนนซ์ เซ็นเตอร์ : จีน
.
ตึก ศูนย์การเงินนานาชาติผิงอัน อยู่ในเมืองเซินเจิ้น สร้างเสร็จเมื่อปี 2017 โดยภายในตึกแห่งนี้จะประกอบไปด้วยสำนักงานต่าง ๆ รวมถึงโรงแรม โดยมีลิฟต์ภายในอาคารมากถึง 80 ตัวด้วยกัน ส่วนความสูงจะอยู่ที่ 599 เมตร หรือประมาณ 1,965 ฟุต มีจำนวนชั้นทั้งหมด 115 ชั้น.
ผิง อัน อินเตอร์เนชั่นแนล ไฟแนนซ์ เซ็นเตอร์
5. ลอตเต้ เวิลด์ ทาวเวอร์ : เกาหลีใต้
.
ลอตเต้ เวิลด์ ทาวเวอร์ อยู่ในกรุงโซล สร้างเสร็จเมื่อปี 2016 ซึ่งการดีไซน์ตัวตึกค่อนข้างแปลกพอสมควร เพราะออกแบบมาคล้ายแคปซูลเรียวยาว ส่วนความสูงทำให้ติดอันดับโลกเป็นที่ 5 อยู่ที่ 554.5 หรือราว 1,819 ฟุต ซึ่งมีจำนวนชั้นทั้งหมด 123 ชั้น
ลอตเต้ เวิลด์ ทาวเวอร์
6. วัน เวิลด์ เทรด เซนเตอร์ : สหรัฐ
.
ตึก วัน เวิลด์ เทรด เซนเตอร์ สร้างเสร็จเมื่อปี 2014 มีมูลค่า $3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตึกนี้ถือเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศสหรัฐ ณ เวลานี้ด้วย ด้วยความสูง 541.3 เมตร อยู่ที่นิวยอร์ก
วัน เวิลด์ เทรด เซนเตอร์ : สหรัฐ
7. ตึกศูนย์การเงินซีทีเอฟ กว่างโจว : จีน
.
สำหรับ ตึกศูนย์การเงินซีทีเอฟ กว่างโจว เป็นตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน และเป็นอันดับ 7 ของโลก ด้วยความสูง 530 เมตร มี 111 ชั้น เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2016 ตึกแห่งนี้ มี ลิฟต์ที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลกและเปิดให้บริการในปัจจุบัน โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 21เมตร / วินาที
ตึกศูนย์การเงินซีทีเอฟ กว่างโจว : จีน
8. ตึกศูนย์การเงินซีทีเอฟ เทียนจิน : จีน
.
สำหรับ ตึกศูนย์การเงินซีทีเอฟ เทียนจิน ซีทีเอฟ มีความสูงเท่ากับ ตึกศูนย์การเงินซีทีเอฟ กว่างโจว ในอันดับที่ 7 เลย โดยมีความสูง 530 เมตรเท่ากัน แต่ เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2019 ตามหลังที่กว่างโจว 3 ปี และมีจำนวนชั้นที่น้อยกว่า คือ มี 98 ชั้น
ตึกศูนย์การเงินซีทีเอฟ เทียนจิน
9. ตึก ไชน่า ซุน : จีน
.
ตึก ไชน่า ซุน อยู่ในปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งตึกนี้ถือว่าสูงที่สุดในปักกิ่งอีกด้วย ด้วยความสูง 528 เมตร สร้างเสร็จเมื่อปี 2018 ทั้งนี้ คำว่า ซุน (Zun) ที่เป็นที่มาของชื่อของตึกนี้ มาจากชื่อภาชนะใส่ไวน์แบบโบราณ
ตึก ไชน่า ซุน
.
10. ตึกไทเป 101 : ไต้หวัน
.
ตึกไทเป 101 เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ระหว่างราวๆ ปี 2004 - 2010 ก่อนที่ตึก เบิร์จ คาลิฟา ของดูไบจะมาคว้าตำแหน่งไป เมื่อปี 2010 โดย ตึกไทเป 101 มีทั้งหมด 101 ชั้นตามชื่อตึกเลย
.
ส่วนตึกที่สูงที่สุดของไทย ถือว่ายังห่างไกลจากการติดอันดับโลก เพราะ ณ เวลานี้ ตึกที่สูงที่สุดของไทย คือ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส แอท ไอคอนสยาม มีความสูงทั้งสิ้น 317.95 เมตร
ตึกไทเป 101 ยามค่ำคืน
ทั้งนี้ หลายประเทศเริ่มมีการแข่งขันก่อสร้างตึกสูง ๆ เพื่อทำสถิติ ตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละตึกจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีสไตล์ฌฉพาะตัว รวมถึงการตั้งชื่อที่มีความหมายในตัว และเพื่อให้เป็นคุ้นหูได้ง่าย ซึ่งแต่ละแห่งต่างมีความสวยงามแตกต่างออกไป นอกจากนั้นทุกตึกเมื่อสร้างเสร็จแล้วสามารถใช้งานจริง ๆ และบางแห่งเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยี่ยมชมอีกด้วย
.
ข้อดีของการก่อสร้าง ตึกสูงที่สุดในโลก จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่อเนื่อง การตัดสินใจก่อสร้างตึกจนได้ชื่อว่าเป็น ตึกที่สูงที่สุดในโลก จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และนักท่องเที่ยวชม ตึกระฟ้า มากเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
.
นับได้ว่า ตั้งแต่ หลุยส์ ซัลลิแวน บิดาแห่งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ (โมเดอร์นิสม์) วางแนวคิด ปลูกฝังการสร้างอาคารตึกระฟ้าเอาไว้ จนถึงทุกวันนี้ โลกแห่งสถาปัตยกรรมก็ได้เดินหน้าต่อไปไม่เคยหยุดเลย...และในอนาคตคงจะมีการทำลายสถิติไปเรื่อยๆ ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความคิด มีความสร้างสรรค์ต่อไป
.