โลกพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดมีการพัฒนาแอปพลิเคชั่น ที่ใช้ช่วยให้มนุษย์มีความเข้าใจ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกของแมวมากขึ้นด้วย งานนี้ทาสแมวทั่วโลกเตรียมหาและลองเอามาใช้งานกันได้เลย!
แอปถอดรหัสอ่านใจแมว
.
นวัตกรรมเทคโนโลยีของโลกเราพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง และมีประโยชน์มากมายในการพัฒนา จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อยในจุดที่ก้าวเดินพัฒนามา ซึ่งนอกจากมนุษย์ที่ได้ประโยชน์สูงสุดแล้ว บางเทคโนโยลีก็มีผลพลอยได้ในการสื่อสารกับสัตว์มากขึ้นด้วย โดยล่าสุด มีการพัฒนา แอปพลิเคชั่น ที่ใช้ช่วยให้มนุษย์มีความเข้าใจ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกของแมวมากขึ้นด้วย งานนี้ทาสแมวทั่วโลกเตรียมหาและลองเอามาใช้งานกันได้เลย!
.
สำหรับแอปพลิเคชันนี้ใช้ชื่อว่า “Tably” ซึ่งแอปนี้จะมีช่วยให้ทุกคนที่เลี้ยงแมวสามารถเข้าใจอารมณ์ของแมวได้โดยไม่ต้องเดาให้เพลียใจกันอีกต่อไป เพราะแอปจะแสดงผล ช่วยบอกถึงอารมณ์ของแมว และสามารถบอกถึงสุขภาพโดยทั่วไปของพวกมันได้ด้วย
.
การทำงานของแอปนี้ ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย โดย Sylvester.ai บริษัทเทคโนโลยีด้านสุขภาพสัตว์ในคัลการี รัฐอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดาเป็นผู้พัฒนาแอปนี้ขึ้นมา เพื่อให้สามารถบอกได้ว่า แมว หรือเจ้านายของทาสแมวทั้งหลายนั้น กำลังรู้สึกป่วยหรือไม่ ? และเริ่มทดลองใช้แอปกับแมวที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ เพื่อให้เจ้าของหรือ "ทาสแมว" คลายความกังวลได้มากขึ้นด้วย
หลักการประเมินอาการป่วยแมว
.
หลักการง่ายๆ คือ ณ เวลานี้ ในวงการสัตว์แพทย์ ประเมินอาการเจ็บป่วยของแมวทั้งหลายด้วย วิธีการที่เรียกว่า FGS (Feline Grinmace scale) กล่าวคือสัตว์แพทย์ จะประเมินจากรูปลักษณ์ ใบหู ขอบตา การเคลื่อนไหวของดวงตา อาการเกร็งของขากรรไกร ตำแหน่งของศีรษะของแมวทุกตัว ซึ่งเมื่อมี แอปนี้ ซึ่งพัฒนามาจากระบบ AI การประเมินและประมวลผลที่แม่นยำมากขึ้น และที่ดีไปกว่านั้นคือ สัตวแพทย์อาจใช้เทคโนโลยีนี้กำหนดการจ่ายยาให้แมว ได้แม่นยำมากกกว่าเดิมอีกด้วย
.
โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายบอกว่า วิธีการประเมินอาการของแมว ที่เรียกว่า FGS (Feline Grinmace scale) และใช้แอป “Tably” จะมีความแม่นยำมากขึ้นถึง 97 เปอร์เซนต์
.
อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งคิดว่า แอปนี้พัฒนามาแบบไร้หลักการ เพราะในความเป็นจริงแล้ว แอป “Tably” ได้รับความร่วมมือจาก คุณหมอ ลิซ รูเอลเล่ ซึ่งทำงานเป็นสัตวแพทย์ในรัฐอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดาในการช่วยพัฒนา
.
โดยผู้ที่ได้มีโอกาสทดลองใช้แอปนี้ บอกว่าในความจริงแล้วเป็นเรื่องยากมากในการอ่านภาษากายของแมว ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์เป็นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อมีเทคโนโลยีนี้ มาช่วยเติมเต็มก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และแอปนี้เป็นประโยชน์กับแพทย์ที่จบมาใหม่ด้วย
แมวยักษ์ 3 มิติ โผล่บนโฆษณาบนจอแอลอีดี ย่านชินจูกุ กลางกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น
ผลวิจัยชี้ แมวไม่พอใจเจ้าของมากขึ้นเมื่ออยู่บ้านนาน ช่วงล็อกดาวน์โควิด
เอ็นดูน้อง! แมวติดเสาไฟฟ้าที่อังกฤษ ต้องตัดไฟบ้าน 100 หลัง ช่วยให้ปลอดภัย
หลักการประเมินอาการป่วยแมว
.
หลักการง่ายๆ คือ ณ เวลานี้ ในวงการสัตว์แพทย์ ประเมินอาการเจ็บป่วยของแมวทั้งหลายด้วย วิธีการที่เรียกว่า FGS (Feline Grinmace scale) กล่าวคือสัตว์แพทย์ จะประเมินจากรูปลักษณ์ ใบหู ขอบตา การเคลื่อนไหวของดวงตา อาการเกร็งของขากรรไกร ตำแหน่งของศีรษะของแมวทุกตัว ซึ่งเมื่อมี แอปนี้ ซึ่งพัฒนามาจากระบบ AI การประเมินและประมวลผลที่แม่นยำมากขึ้น และที่ดีไปกว่านั้นคือ สัตวแพทย์อาจใช้เทคโนโลยีนี้กำหนดการจ่ายยาให้แมว ได้แม่นยำมากกกว่าเดิมอีกด้วย
.
โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายบอกว่า วิธีการประเมินอาการของแมว ที่เรียกว่า FGS (Feline Grinmace scale) และใช้แอป “Tably” จะมีความแม่นยำมากขึ้นถึง 97 เปอร์เซนต์
.
อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งคิดว่า แอปนี้พัฒนามาแบบไร้หลักการ เพราะในความเป็นจริงแล้ว แอป “Tably” ได้รับความร่วมมือจาก คุณหมอ ลิซ รูเอลเล่ ซึ่งทำงานเป็นสัตวแพทย์ในรัฐอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดาในการช่วยพัฒนา
.
โดยผู้ที่ได้มีโอกาสทดลองใช้แอปนี้ บอกว่าในความจริงแล้วเป็นเรื่องยากมากในการอ่านภาษากายของแมว ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์เป็นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อมีเทคโนโลยีนี้ มาช่วยเติมเต็มก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และแอปนี้เป็นประโยชน์กับแพทย์ที่จบมาใหม่ด้วย
หลักการทำงานของแอป “Tably”
.
- สแกนใบหน้า
-ระบบจะใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า
-บันทึกลักษณะอาการท่าทางของแมวลงระบบ
-ระบบจะวิเคราะห์ว่าแมวมีอารมณ์ ความรู้สึกอย่างไร
ปัญหาในเบื้องต้น
.
เป็นเรื่องปกติที่ระบบ AI จะมีปัญหาในช่วงแรก เพราะฐานข้อมูลยังน้อยอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการใช้งานมากขึ้น มีการลงข้อมูลมากขึ้น ฐานข้อมูล AI ก็จะส่งต่อข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้นตามไปด้วย
.
นอกจากนี้ ลักษณะกายภาพบางอย่างอาจเป็นปัญหา อาทิ แมวดำ ที่อยู่ในที่แสงน้อย ระบบก็ยังจะตรวจสอบได้ยาก แต่ต่อไปในอนาคต ระบบของแอปนี้จะดีขึ้นแน่นอน
.
ทั้งนี้ ระบบ AI ที่พัฒนาขึ้นมา และมาใช้ถอดรหัสความรู้สึกของแมวที่เป็นนามธรรมมากๆ แล้ววิเคราะห์ออกมาเป็นรูปธรรม สามารถทำให้แพทย์และคนเลี้ยงแมว (ทาสแมว) เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของแมวทั้งหลายได้ และนี่นับเป็นอีกก้าวเล็กๆ ของการพัฒนา และต่อไปในอนาคต คงไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน หากจะบอกว่า เราจะสื่อสารกับแมวได้มากกว่านี้อีก!