จากเรื่องราว ดราม่า มิ้นท์ I Roam Alone ที่ไปเที่ยวอัฟกานิสถานในห้วงเวลาสงครามกลางเมืองกลับมาอีกครั้ง เพราะกลุ่มติดอาวุธ ตาลีบันกำลังกลับมายึดครองประเทศนี้อีกครั้ง และดูทิศทางสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ประเทศนี้ยังไม่อาจหา ความสงบง่ายๆ เวลาเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบ
จากเคส ดราม่า มิ้นท์ I Roam Alone บล็อกเกอร์สาวคนดัง ซึ่งมีผู้ติดตาม 5.1 ล้านคนใน Facebook เดินทางไปอัฟกานิสถาน ที่กำลังมีสงครามคุกรุ่น และมีข้อถกเถียงว่าในโลกออนไลน์ว่า เหมาะสมหรือไม่กับการ เอาชีวิตคนที่น่าสงสารมาทำคอนเทนต์เชิง Romanticize มากเกินไป (ทำให้ดูสวยงาม ดูโรแมนติกในชีวิตอันน่าสงสาร ทั้งที่ความเป็นจริง มันเป็นความทุกข์ทรมานและกดไว้) ดังนั้น มาดูสถานการณ์ อัฟกานิสถาน บนเข็มฬิากาปัจจุบันเดินอยู่ ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง...
สหรัฐถอนกำลังจากอัฟกานิสถาน
.
ย้อนเข็มกลับไปเมื่อปี 2001กลุ่มติดอาวุธตาลีบันเคยปกครองอัฟกานิสถานมาก่อน ก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะส่งกองกำลังเข้าไปในอัฟกานิสถาน เพื่อทำภารกิจไล่ล่า อุซามะห์ บินลาดิน ซึ่งสหรัฐชี้เป้าว่า นี่คือ ผู้นำการก่อการร้าย และอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่นิวยอร์ก เมื่อปี 2001 และการบุกเข้าอัฟกานิสถานของสหรัฐอเมริกาครั้งนั้น มีเป้าหมายขุดรากถอนโคนพวกนักรบอัลกออิดะห์และป้องกันการโจมตีสหรัฐฯ อีกครั้ง รวมถึงปราบกลุ่มตาลีบัน ที่มีสายสัมพันธุ์อันดี ถึงกับให้ที่พักพิงกับ บินลาดินด้วย ก่อนที่ อุซามะห์ บินลาดิน จะโดนสหรัฐปิดฉากชีวิตได้ เมื่อปี 2011 ในบ้านพัก ที่แอบบ็อตทาบ็อต ในปากีสถาน ซึ่งมีชายแดนติดต่อกับอัฟกานิสถาน (สามารถชมภาพยนตร์ที่เล่าเรื่อง การตามหา บินลาเดน ในชื่อเรื่อง Zero Dark Thirty ยุทธการถล่มบิน ลาเดน ผลงานกำกับของ แคเธอรีน บิเกโลว์ ในปี 2012)
.
ช่วงเวลา ตั้งแต่ปี 2011 ที่ อุซามะห์ บินลาดิน โดนปิดฉาก End game แล้ว จนกระทั่ง ถึง 2011 สหรัฐก็ยังไม่ได้ถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถาน และขณะเดียวกันกลุ่มติดอาวุธตาลีบัน ก็ยังกระจัดกระจายอยู่ ไม่ได้เข้มแข็งอะไร
.
อย่างไรก็ตาม โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ มีนโยบายในสงครามครั้งนี้ คือต้องถอนกำลังสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน เพราะมองว่า สหรัฐ ไม่มีความคุ้มค่า ไม่มีหนทางต่อสู้ในการสู้สงครามที่ยืดเยื้อครั้งนี้ และไม่มีทางชนะในสงครามครั้งนี้
.
และสหรัฐเริ่มแผนงานถอนกำลังแล้ว และทหารสหรัฐชุดสุดท้ายออกจากอัฟกานิสถานในวันที่ 31 สิงหาคม โดยจะเหลือทหารทิ้งไว้เพียงราวๆ 650 นาย สำหรับทำหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยแก่สถานทูตอเมริกาในกรุงคาบูลเท่านั้น
สภาพบ้านเมืองในประเทศอัฟกานิสถาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มินท์ I Roam Alone โพสต์แรง นี่คือตัวอย่างการทำข่าวแบบไม่มีความรับผิดชอบ
สหรัฐกลับบ้าน ตาลีบันจึงกลับมา
.
ทันทีที่กองกำลังสหรัฐ ทยอยถอนออกจากอัฟกานิสถาน , สถานการณ์ในประเทศก็มีความเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที เพราะ มันเหมือนว่า สหรัฐฯ แก้ปัญหาให้อัฟกานิสถานไม่ได้ ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่กลับทิ้งขว้างให้รัฐบาลที่ด้อยประสิทธิภาพของอัฟกานิสถาน รับมือกับกลุ่มติดอาวุธตาลีบันที่มีกำลังกล้าแกร่งกว่ามากในช่วงเวลานี้
.
การถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานของกองทัพสหรัฐ เท่ากับเปิดพื้นที่ให้กองกำลังกลุ่มตาลีบัน บุกยึดแดนคืนจากกองทัพรัฐบาล และเมื่อเปิดฉากรุก ทหารรัฐบาลอัฟกานิสถาน ก็ถอยร่นไม่เป็นขบวน บางส่วนหนีตายข้ามพรมแดนเข้าประเทศเพื่อนบ้านก็มี
.
บีบีซี ระบุว่ากระจายกำลังไปทั่วประเทศอีกครั้ง ซึ่งรวมทั้งในจังหวัดภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือและกลาง เช่นจังหวัดกาซนีและไมดาน วาร์ดัก, กลุ่มตาลีบัน บุกประชิดเมืองใหญ่หลายเมืองเช่นคุนดุซ เฮรัต กันดาฮาร์และลัชคาร์ กาห์
.
ณ เข็มนาฬิกาเดินอยู่ตอนนี้ กลุ่มตาลีบัน ไล่ยึดหลายเขต ซึ่งเป็นศูนย์การบริหารของรัฐบาล, สำนักงานตำรวจและหน่วยงานของรัฐบาลเกือบทั้งหมด ตกอยู่ในกำมือของตาลีบันแทบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว
เวลาเท่านั้นคือคำตอบ
.
ทั้งนี้ กองกำลังกลุ่มตาลีบันสามารถบุกยึดเมืองจนมีฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งทั่วประเทศอัฟกานิสถาน โดยขณะนี้กลุ่มตาลีบันก็กำลังยกพลประชิดเมืองสำคัญหลายเมือง โดยล่าสุดในวันศุกร์ที่ 30 ก.ค. มีรายงานว่า อาคารขององค์การสหประชาชาติในจังหวัดเฮรัต ทางตะวันตกของอัฟกานิสถาน ถูกโจมตีด้วยจรวดอาร์พีจี ในขณะกลุ่มตาลีบันกำลังบุกโจมตีอย่างหนัก จนสามารถยึดเขตชานเมืองได้หลายเขตเมื่อไม่นานมานี้รวมถึงทางข้ามพรมแดนเชื่อมต่อกับอิหร่าน และเติร์กเมนิสถาน และมีรายงานที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า พวกเขายึดสนามบินในจังหวัดได้แล้วด้วย
โดย สหรัฐฯ บอกเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า กองกำลัง ตาลีบันกำลังได้โมเมนตัมทางยุทธศาสตร์ทหาร แต่การจะได้รับชัยชนะเหนือกองทัพอัฟกานิสถานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
.
เพราะหลังจากกองกำลังนานาชาติ ถอนกำลังไปหมดแล้ว อัฟกานิสถานน่าจะเข้าสู่ภาวะสูญญากาศทางการเมืองและความรุนแรงที่ยืดยาวนานออกไป ซึ่งในระหว่างนั้น จะมีการเจรจาสันติภาพระหว่าง ตาลีบันกับรัฐบาลอัฟกานิสถาน หรือการต่อสู้จะดุเดือดขึ้นอีก เป็นเวลาหลายเดือนหรืออาจจะหลายปี เพราะนี่คือสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ...มีเพียงกาลเวลาและเลือดเนื้อของชาวอัฟกันเท่านั้น ที่จะให้คำตอบได้