เกาะกระแสโอลิมปิก มาย้อนรอยความทรงจำไปค้นหากับ สุดยอดเหตุการณ์ประทับใจในโอลิมปิกในอดีต ...เป็นเรื่องราวในโอลิมปิก 1992 เมื่อ พ่อ-ลูก จิม เรดมอนด์ และ เดเร็ก เรดมอนด์ ประคองกอดเข้าเส้นชัยในการวิ่ง 400 เมตร ด้วยความเจ็บปวดปนน้ำตา เพราะลูกชายเกิดบาดเจ็บกะทันหัน
ฉากแห่งน้ำตา : วิ่ง 400 เมตรที่โอลิมปิก 1992
.
คลิปภาพเหตุการณ์ cre : Olympics
โอลิมปิก นับเป็นมหกรรมกีฬาที่นักกีฬาทุกคนอยากมาร่วมประสบการณ์สัมผัส สำหรับหลายๆคน การมาโอลิมปิกมันคือความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่หากเมื่อมาแข่งขันโอลิมปิกแล้วเกิดอุบัติเหตุกับชีวิต เกิดเหตุการณ์โชคชะตามาล้อเล่นแบบผิดเวลาจนทำให้ร่างกายพังยับเยิน หรือมาบาดเจ็บในช่วงแข่งขันโอลิมปิกอยู่ ...มันคงเป็นอะไรที่เจ็บปวด ไม่ต่างอะไรกับคมมีดที่กรีดลึกลงกลางหัวใจของนักกีฬา
.
ย้อนกลับไปในโอลิมปิก 1992 ที่บาร์เซโลน่า ในการแข่งขันวิ่ง 400 เมตร. ชาย รอบรองฯชนะเลิศ มีเหตุการณ์ที่ถือได้ว่าเป็น ฉากโมเมนต์แห่งความประทับใจ แต่ในทางกลับกันมันก็เป็นฉากน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของนักกีฬาในเวลาเดียวกัน
.
เรื่องราวตำนานโอลิมปิกเรื่องนี้ เกิดขึ้นกับ เดเร็ก เรดมอนด์ นักวิ่งระยะกลางทีมชาติสหราชอาณาจักร ซึ่ง ณ ขณะนั้น เดเร็ก เรดมอนด์ มีอายุ 27 ปี กำลังอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของการเป็นนักกีฑา แต่ทว่า อุบัติเหตุครั้งใหญ่ได้มาเกิดขึ้นกับเขา ในวันที่ 3 สิงหาคม 1992 ต่อสายตาแฟนกีฬา 60,000 คน ในสนามมอนจูอิค บาร์เซโลน่า ในการแข่งขันวิ่ง 400 เมตร รอบรองฯ โอลิมปิก 1992
.
ที่จริงแล้ว ย้อนเข็มนาฬิกากลับไปก่อนโอลิมปิก 1992 , ในช่วงปี 1985 ก่อนหน้าโอลิมปิกครั้งนั้น 7 ปี , ด้วยวัย 20 ปี เดเร็ก เรดมอนด์ วิ่ง 400 เมตร ด้วยเวลา 44.82 วินาที ทำลายสถิติของสหราชอาณาจักรลงได้อย่างราบคาบ แฟนกีฬาชาวอังกฤษต่างก็บอกว่าเขาคือดาวรุ่งอัจฉริยะ แต่ช่วงเวลาผันผ่าน เดเร็ก เรดมอนด์ เจอปัญหารุมเร้ามาอย่างมากมายเช่นกัน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บ ทั้งเรื่องความผิดหวังในการแข่งขันโอลิมปิก 1988 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ในช่วงเวลา 4 ปีก่อนหน้านั้น นั่นทำให้ เขามุ่งมั่นและมุ่งปรารถนามากๆกับการแข่งขันในโอลิมปิก 1992 ที่บาร์เซโลน่าครั้งนี้
.
วันนั้น เดเร็ก เรดมอนด์ ออกสตาร์ตตามปกติ...หากทำผลงานได้ตามเป้า ไม่มีอะไรผิดพลาด เขาน่าจะเป็น 1 ใน 8 ลมกรดที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงฯเหรียญทอง ได้ แต่ทว่า เหมือนฟ้าผ่ากลางเปรี้ยงลงที่กลางหัวใจ เมื่อจู่ๆ เขาก็เจ็บแปลบที่ขาด้านหลัง...
.
ฉับพลัน...วินาทีนั้น เดเร็ก เรดมอนด์ร่วงไปกองกับพื้น มือขวาจับต้นขาด้านหลัง มือซ้ายกุมใบหน้าเอาไว้
.
โอกาสเข้ารอบชิงฯ วิ่ง 400 เมตรโอลิมปิกอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ เห็นแสงสว่างอยู่ร่ำไร แต่เขากลับปล่อยมันหลุดลอยไปอีกครั้ง ซ้ำรอยจากความผิดหวังในโอลิมปิก 1988 จากปัญหาเรื่องเดิมๆ นั่นคืออาการบาดเจ็บที่ย้ำและซ้ำกับชีวิตเขาอีกแล้ว
ฉากประทับใจของเดเร็ก และ จิม เรดมอนด์ ในการแข่งขันวิ่ง 400 เมตร รอบรองฯ โอลิมปิก 1992
.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โค้ชเช ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ น้องเทนนิส เหรียญทองโอลิมปิกเทควันโด
เศวต เศรษฐาภรณ์ ทีมชาติยิงเป้าบิน 1 ใน 10 นักกีฬาที่อาวุโสที่สุดโอลิมปิก 2020
น้องเทนนิส ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก ถึงภูเก็ตแล้ว สุดประทับใจ กราบเท้าคุณพ่อ
ไม่ยอมอีกแล้ว! ถึงจะเจ็บแต่ต้องกัดฟันไป
.
"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตอะไรเลวร้ายแบบนี้ มันจะเกิดขึ้นอีกแล้ว ฝึกหนักมาหลายปี เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมวิ่งไม่ไหวแล้ว แต่เมื่อผมมองไปรอบๆ ผมเห็นว่าเหลืออีก 100 เมตรเท่านั้นจะถึงเส้นชัย ผมคิดว่าถ้าผมลุกขึ้น ผมก็สามารถจบการวิ่งครั้งนี้ได้" .เดเร็ก เรดมอนด์ ย้อนอดีตเหตุการณ์เมื่อปี 1992 ให้ฟัง
.
เดเร็ก เรดมอนด์ ค่อยๆ เริ่มตั้งสติ เขาฉุดตัวเองขึ้น และเห็นคู่แข่งอีก 7 คน วิ่งเข้าเส้นชัยไปหมดแล้ว ถึงแม้ต่อให้เขาวิ่งไปถึงเส้นชัยตอนนี้ ก็ตกรอบอยู่ดี แต่ในเวลาเดียวกัน ทีมแพทย์ในสนามรีบลงไปดูอาการเดเร็ก เรดมอนด์ และเตรียมขอเปลเพื่อแบก เดเร็ก เรดมอนด์ออกไปนอกสนาม ในวินาทีนั้นเดเร็ก เรดมอนด์ก็คิดขึ้นมาว่า เขายังอยู่ระหว่างการแข่งขัน ไม่ได้เข้ารอบชิงฯ มันก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาจะยอมรับตัวเองไม่ได้ คือ ถ้าเขาวิ่งไม่จบ สถิติจะขึ้นว่า DNF (Did not finish = แข่งไม่จบ) ซึ่งสำหรับนักวิ่งอย่างเขาแล้ว ...มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ดังนั้นต่อให้ เขาร้าวรานสักแค่ไหน เขาก็จะไปเข้าเส้นชัยให้ได้...เขาบอกตัวเอง เขาต้องไปต่อ...
.
เดเร็ก เรดมอนด์ ไม่ขอรับความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ เขาเลือกที่จะกระโดดด้วยขาซ้าย เขาพยายามไปให้ถึงเส้นชัยให้ได้ด้วยตัวเอง ณ เข็มนาฬิกาเดินอยู่ตอนนั้น คนดูทั้งสนามมอนจูอิค ไม่สนว่าใครเข้ารอบอีกแล้ว
.
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ เดเร็ก เรดมอนด์ ว่าจะไปถึงเส้นชัยได้หรือไม่ ทุกคนมองในความพยายามของเดเร็ก เรดมอนด์ ซึ่งเขาเขย่งมาได้ไกลถึง 150 เมตร แต่เมื่อเหลืออีก 100 เมตรสุดท้าย ขาที่บาดเจ็บของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว เดเร็ก เรดมอนด์ใกล้จะร่วงพื้นอีกครั้งเต็มที
.
แต่ทันใดนั้นก็มีมือมาแตะที่ไหล่ของเขาไม่ให้ล้มลงไปอีก...ใครคนนั้นที่มาประคองคือ จิม เรดมอนด์ คุณพ่อและเป็นเทรนเนอร์ของเขา
พ่อลูกเรดมอนด์ : ผ่านรอยน้ำตาไปด้วยกัน
.
จิม เรดมอนด์ เข้ามาประคอง ลูกชายของเขา และพยายามก้าวทีละก้าว เพื่อไปยังเส้นชัยให้ได้ ...แต่ในระหว่างที่พยายามก้าวทีละก้าวไปยังเส้นชัยนั้น สตาฟฟ์การแข่งขันโอลิมปิกก็พยายาม เดินมาบอกว่า ต่อให้ไปถึงเส้นชัย ก็จะไม่มีสถิติเพราะการมีคนมาช่วยประคองมันผิดกติกา และสถิติจะไม่ขึ้นเวลาให้ จะระบุแค่ Disqualified (แพ้ฟาวล์) อยู่ดี แต่คุณพ่อ จิม เรดมอนด์ ก็ออกปากไล่สตาฟฟ์ออกไป เพราะเขารู้ว่าตอนนี้เป้าหมายของเดเร็คลูกชายคือไปให้ถึงเส้นชัยให้ได้ แค่นั้น...ไม่ได้มีเรื่องอื่นๆ มาข้องเกี่ยว ทั้งสถิติ ทั้งเหรียญ ทั้งเรื่องอาการเจ็บ...เวลานี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
.
เมื่อเหลืออีกไม่กี่เมตรจะถึงเส้นชัย คุณพ่อปล่อยตัว เดเร็ค เรดมอนด์ ให้เขากระเผลกเข้าเส้นชัยด้วยตัวเองคนเดียว... จากนั้นพอผ่านเส้นชัยไปได้แล้ว พ่อรีบเอามือประคองอีกครั้ง ซึ่งเดเร็ค เรดมอนด์ ตอนนี้ยังร้องไห้ไม่หยุด น้ำตาไม่ใช่เรื่องแห่งความน่าอายอีกต่อไป...มันคือ ปลายทางแห่งการระบาย...โอลิมปิกของเขาปิดฉากลงแล้ว...
.
การเข้าเส้นชัยของ เดเร็ก เรดมอนด์ ที่ใช้เวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์โอลิมปิกเกมส์ นั่นคือ 3 นาที กับอีก 30 วินาที ซึ่งแม้จะเข้าถึงเส้นชัยช้าขนาดนี้ แต่แฟนกรีฑาในสนามมอนต์จูอิค ต่างก็ลุกขึ้นปรบมือให้กับจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของเรดมอนด์อย่างสนั่นหวั่นไหว และเต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ และให้กับความรักของพ่อที่ออกมาช่วยเหลือลูก ในยามที่ยากลำบาก...
.
เดเร็ก เรดมอนด์ และ จิม เรดมอนด์ สองพ่อลูก ถูกจดจำไว้ในความทรงจำของแฟนกีฬาทั้งโลก มันคือภาพความประทับใจ ในฉากหนึ่งของโอลิมปิก (...และน้อยคนนักที่จะจดจำได้ว่า เหรียญทอง 400 เมตรชาย ที่ชิงกันให้หลังเหตุการณ์นี้ แชมป์เหรียญทอง คือ ควินซี่ วัตส์ จากสหรัฐฯ เพราะสองพ่อลูกแย่งซีนความทรงจำไปหมดแล้ว...)
.
สำนักข่าว อินดีเพนเดนท์ ของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศของเดเร็ก เรดมอนด์ ถึงกับใช้พาดหัวข่าวนี้ว่า "นี่คือชัยชนะของมนุษยชาติ" เพราะมันมีทั้งความงามของความสัมพันธ์ ความเจ็บปวด และการไม่ยอมแพ้ของมนุษย์
.
และภาพเหตุการณ์ เดเร็ก เรดมอนด์ และ จิม เรดมอนด์ สองพ่อลูก ครั้งนี้ ถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า และถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของโฆษณา VISA และ NIKE รวมถึงโปรโมตโอลิมปิกในหลายๆครั้ง ในเวลาต่อมา
.
ถ้านายเจ็บ...และนายไม่ไหว...ชีวิตของ เดเร็ก เรดมอนด์ ยังมีพ่อประคองอยู่เสมอ...