svasdssvasds

3 แพทย์ดัง ประสานเสียง แนะนำ ควรเลิกวัดความดันก่อนฉีดวัคซีนโควิด

3 แพทย์ดัง ประสานเสียง แนะนำ ควรเลิกวัดความดันก่อนฉีดวัคซีนโควิด

3 นายแพทย์ชื่อดัง นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ , ศ.นพ. มานพ พิทักษ์ภากร และ นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ ลงเห็นตรงกัน ควรเลิกวัดความดันก่อนฉีดวัคซีนได้แล้ว พร้อมเสริม คำแนะนำ ล่าสุด ไม่มีระดับความดันโลหิตใด ที่ห้ามฉีดวัคซีนโควิด ดังนั้นจะวัดความดันก่อนฉีดวัคซีนไปทำไม ?

กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ในการขั้นตอนการรับวัคซีนโควิด-19 ที่น่าจะช่วยให้ประหยัดเวลามากขึ้นต่อไปในอนาคต เพราะล่าสุด มี 3 นายแพทย์ชื่อดังของประเทศ พร้อมใจกันให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน โดย ระบุว่า ควรเลิกวัดความดันก่อนฉีดวัคซีนโควิดได้แล้ว  พร้อมเสริม คำแนะนำ ล่าสุด ไม่มีระดับความดันโลหิตใด ที่ห้ามฉีดวัคซีนโควิด ดังนั้นจะวัดความดันก่อนฉีดวัคซีนไปทำไม ?

คนแรกที่ออกมาแสดงความเห็นในประเด็นนี้คือ พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ โพสต์ข้อความแสดงความเห็น ยืนยัน คำแนะนำล่าสุด ไม่มีระดับความดันโลหิตที่ห้ามฉีดวัคซีนโควิด-19

"ปัญหาที่หลายคนมาฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วไม่ได้ฉีด คือวัดความดันโลหิตแล้วสูง หลายคนตื่นเต้น กลัวการฉีดวัคซีน บางคนที่มีความดันโลหิตสูงก็ไม่ได้ทานยาตามปกติ ความดันโลหิตก็เลยขึ้น  คำแนะนำล่าสุด ไม่มีระดับความดันโลหิตที่ห้ามฉีดวัคซีนโควิด ยกเว้นกำลังอยู่ในภาวะความดันโลหิตสูงฉุกเฉินวิกฤติที่มีอาการอื่นแสดงร่วมด้วยนะครับ และผู้มีความดันโลหิตสูง ไม่ต้องงดยาลดความดันโลหิตก่อนฉีดวัคซีน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คนต่อมาที่มีความเห็นไปในทางเดียวกันคือ ศ.นพ. มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แชร์ข้อความของ พล.อ.ท.นพ.อนุตตร พร้อมข้อความเห็นด้วย ระบุว่า

“ควรเลิกวัดความดันก่อนฉีดวัคซีนได้แล้วครับ หลายประเทศยกเลิกการวัด vital signs ก่อนฉีดวัคซีนไปแล้วด้วยซ้ำ”

 

ขณะที่ อ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์  หรือหมอหม่อง อาจารย์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  แสดงความคิดเห็นไว้อย่างน่าสนใจ

"ไม่มี เหตุผลทางชีววิทยา ใดๆ ที่จะชวนให้กังวลว่า ฉีด วัคซีนโควิดแล้ว ความดันโลหิตจะขึ้น จนเป็นอันตรายความดันที่ขึ้น จากการฉีดส่วนใหญ่เป็นจาก ปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะ ความเครียด ความกลัว  ซึ่งก็เจอกับกรณีทุกวัคซีน และหัตการการรักษาอื่นๆ ก่อนฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก็ไม่มีความจำเป็นในการตรวจความดันก่อนและหลัง ส่วนใหญ่เขาก็ไม่วัดกัน ในช่วงแรกๆ ผมคิดว่า เพราะ วัคซีนตัวนี้เป็นของใหม่ เรายังไม่ค่อยมีประสบการณ์ ผู้วางระบบ ก็กลัว กันไว้ก่อนเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้ เราฉีดกันไปแล้วกว่า 10 ล้านคนแล้ว คุ้นเคยกันพอแล้ว น่าจะเลิกได้แล้วครับ"

ในขณะที่เราต้องเร่งฉีดวัคซีนให้คนจำนวนมากในเวลาที่สั้นที่สุด เราจะเห็นว่า ในหลายประเทศ การจัดการฉีดวัคซีนเขา ไม่ได้ยุ่งยากวุ่นวาย ใช้ทรัพยากรมากมาย หลายขั้นตอนแบบเรา  เขาทำให้สะดวกและ lean ที่สุด
กลับมามองบ้านเรา ทผมเห็นมีกระบวนการต่างๆที่เราสามารถ lean ลงอีกมาก เช่น การวัด นน. ส่วนสูง
การแต่ง ชุดเต็มยศ ฉีด การใช้ บุคคลากรทางการแพทย์ มาดูแลกระบวนการ non medical เช่น การลงทะเบียน ฯลฯ (ในหลายๆประเทศ คนฉีด ไม่ใช่หมอไม่ใช่พยาบาลด้วยซ้ำ) บุคคลากรทางการแพทย์ยิ่งขาดแคลนอยู่ น่าเอาไปทำหน้าที่ดูแลคนไข้ดีกว่า คนตกงานเยอะแยะ รัฐจ้างมาทำหน้าที่เหล่านี้ นี้ก็น่าจะดีครับ  และหากมองภาพใหญ่  เราจะเห็นว่า ระบบไทยๆ เรามักเทอะทะ  เรามีปัญหา แยกแยะ แก่นสาระ กับ กระพี้  เราชอบเน้น รายละเอียดขั้นตอนที่ไม่สำคัญมากมาย โดยเฉพาะภาพลักษณ์  แต่ส่วนที่สำคัญ กลับไม่เน้น ไม่ใส่ใจ เลยใช้แรง ใช้ทรัพยากร เยอะ กว่าจะขับเคลื่อนอะไรไปได้ทีละน้อย แต่เอาเข้าจริงๆ กรณี mass vaccination ของเราทุกวันนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนต่างๆของเรา ก็มีศักยภาพที่จะฉีดได้มากและเร็ว อยู่แล้ว
เพียงแต่ คอขวด อยู่ที่ supply วัคซีนเข้ามาไม่เพียงพอ และไม่ต่อเนื่องแน่นอนนั่นเอง

 

related