ยูโร 2020 เดินทางมาใกล้ถึงโค้งสุดท้ายแล้ว โดยในรอบรอง อังกฤษ แซงชนะเดนมาร์กได้อย่างสนุก ช่วงต่อเวลา 2-1 ถือเป็นการปิดนิยายเดนส์ภาค 2 ได้สำเร็จ และ สิงโตคำราม ก็กำลังจะสานคำขวัญ Footballs coming home ให้เป็นจริง โดยด่านสุดท้ายพวกเขาต้องไปชนกับอิตาลี ในวันอาทิตย์นี้
1) ฟุตบอลยูโร 2020 ใกล้เดินทางถึงบทสรุปเต็มที เพราะ ณ เข็มนาฬิกาเดินไปตอนนี้ ได้คู่ชิงในฝันสำหรับแฟนบอลหลายๆคนแล้ว นั่นคือ อิตาลี อดีตแชมป์ 1 สมัย เมื่อปี 1968 ชิงแชมป์กับ อังกฤษ หลังจากที่ ‘สิงโตคำราม’ เฉือนชัยเหนือ เดนมาร์กได้ใน 120 นาที 2-1
2) สำหรับรูปเกม รอบรองฯ ระหว่าง อังกฤษ - เดนมาร์ก เมื่อคืนที่ผ่านมา เกือบๆจะมีตำนานเทพนิยายเดนส์ ภาค 2 สานต่อตำนานปี 1992 เสียแล้ว เพราะว่า เดนมาร์ก เป็นฝ่ายออกนำก่อน จากฟรีคิกสุดสวยของ มิคเคล ดัมสการ์ด ในนาที 30 , ก่อนที่ อังกฤษ จะมาตีเสมอ จากการทำเข้าประตูตัวเอง กัปตันเดนมาร์ก อย่าง ซิมง เคียร์ นาที 39 และสุดท้ายอังกฤษมาได้ประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากการซ้ำจุดโทษที่ยิงพลาดของแฮร์รี่ เคน นาที 104
3) มาว่ากันที่ ฟรีคิกสุดสวยของ มิคเคล ดัมสการ์ด กองหน้าวัย 21 ปี จากสโมสรซามพ์โดเรีย ถือเป็นประตูที่มาจากฟรีคิกโดยตรง ลูกแรกในยูโร 2020 และเป็นฟรีคิกแรกในรอบน็อกเอาท์ยูโร นับตั้งแต่ ซีเนอดีน ซีดาน ทำไว้เป็นคนล่าสุด ในยูโร 2000 และเป็นฟรีคิกในรอบรองฯยูโร นับตั้งแต่ โธมัส เฮสเลอร์ ทำได้เป็นคนล่าสุด เมื่อ ยูโร 1992
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อิตาลี - อังกฤษ ตารางบอลยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ เตะวันไหน เช็กเลย
10 เกร็ดน่ารู้ ยูโร 2020 อิตาลีตีตั๋วเข้าชิงทีมแรก รอเจออังกฤษ-เดนมาร์ก
ยูโร2020 ไขความลับทำไมชุดอิตาลี ต้องเป็นสีน้ำเงินอมฟ้าและไม่ใช้สีธงชาติ
4) ประตูของ ฟรีคิกสุดสวยของ มิคเคล ดัมสการ์ด ถือเป็นประตูที่หยุดสถิติการไม่เสียประตูติดต่อกันของอังกฤษ ลงที่ 691 นาทีอีกด้วย
5) ขณะที่ จอร์แดน พิกฟอร์ด ผู้รักษาประตูอังกฤษ ทำสถิติ ไม่เสียประตูในทีมชาตินานที่สุด ด้วยจำนวนเวลา 725 นาที ทำลายสถิติเดิมของกอร์ดอน แบงส์ ที่ทำไว้ 720 นาที เมื่อช่วงปี 1966
6) นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี ที่อังกฤษได้กลับไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ นับตั้งได้เข้าชิงฟุตบอลโลก 1966 โดยนี่ถือเป็นช่องว่างที่ยาวนานที่สุดในการทิ้งห่างการเข้าชิงฟุตบอล 2 รายการ และอังกฤษ ยังได้เข้าชิงฯ ฟุตบอลยูโร เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เล่นมารวมแล้วถึง 37 เกมด้วย
7 ) แจ็ค กรีลิช แนวรุกอังกฤษ นอกจากจะได้รับการพิสูจน์ว่าไม่ใช่ ‘เด็กเส้นเซาธ์เกต’ แล้ว เขายังกลายเป็นนักเตะคนที่ 3 เท่านั้นในประวัติศาสตร์ของทีมชาติอังกฤษ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแล้วถูกเปลี่ยนตัวออกไป อีก 2 คน คือ เจมี เรดแน็ปป์ ใน ยูโร 1996 และ อารอน เลนน่อน ในฟุตบอลโลก 2008
8) ประตูชัยของ แฮร์รี่ เคน ทำให้เขาขึ้นมาทำสถิติยิงมากที่สุดในนามทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ ร่วมกับ แกรี ลิเนเกอร์ ที่ 10 ประตู เป็นที่เรียบร้อย และการที่อังกฤษ แซงกลับมาชนะได้นั่น ถือว่าเป็นการ แซงกลับมาชนะในรอบน็อกเอาท์รายการใหญ่ครั้งแรก หลังจากครั้งสุดท้ายที่ทำได้ คือแซงชนะแคเมอรูน ในฟุตบอลโลก 1990
9) การทำเข้าประตูตัวเองของ ซิมอน เคียร์ เป็นประตูแรกที่อังกฤษได้จากการทำเข้าประตูตัวเองของคู่แข่งในฟุตบอลยูโร โดยก่อนหน้านี้ อังกฤษ เคยได้ประโยชน์จากการทำเข้าประตูตัวเอง 2 ครั้งในฟุตบอลโลก 1982 และ 2006
10) นัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 จะมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคมนี้ โดยจะเตะกันที่สนามเวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม อังกฤษจะได้แชมป์ยูโรสมัยแรก ให้สมกับคำขวัญ Football's coming home หรือ อิตาลี จะได้แชมป์ยูโรสมัยที่ 2 พร้อมกับคำขวัญล้อเลียน Football is coming Rome. คงต้องติดตามกัน ในบทสรุปวันอาทิตย์นี้.