เนปาล ประเทศที่มีจุดขาย คือ ยอดเขาเอเวอเรสต์ จุดที่สูงสุดในโลก กำลังถูกโควิด-19 ลุกลามคุกคามอย่างหนัก แม้จะมียอดผู้ติดเชื้อเป็นลำดับที่ 47 ของโลก แต่ระบบสาธารณสุขของเนปาลกำลังจะรับมือไม่ไหว ณ เวลานี้ต้องรอขอความช่วยเหลือระดมขอวัคซีนจากนานาชาติอยู่ ณ ตอนนี้
•โควิดลุกลามเอเวอเรสต์
เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว ที่มีการเปิดเผยว่า ยอดเขาเอเวอเรสต์ จุดที่สูงสุดในโลกมีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และนั่นคือเครื่องยืนยันว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ไปได้ทุกทีในโลก ไม่เว้นแม้กระทั่ง "หลังคาโลก" อย่างภูเขาหิมาลัย
ประเด็นการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ เบสแคมป์ จำนวน 17 คน ในช่วงปลายเดือนเมษายน เป็นเครื่องตอกย้ำชัดเจน จากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเนปาล ที่เอเวอเรสต์ รวมถึงในเอเชียใต้ ประเทศอื่นๆ ที่มีการระบาดอย่างหนักหน่วงรุนแรง อาทิ ที่ อินเดียซึ่งมีพรมแดนติดกัน
ทั้งนี้ สมาคมกู้ภัยหิมาลัย มีการเปิดเผยว่า ผู้ที่ป่วยโควิด-19 ทุกคนที่จุดเบสแคมป์ (จุดที่เตรียมตัวก่อนปีนขึ้นเอเวอเรสต์) จะอพยพด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลในกรุงกาฏมาณฑุ ประเทศเนปาล แต่ในความจริงแล้วสื่อตะวันตกคาดว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เบสแคมป์ก่อนขึ้นเอเวอเรสต์ จะมีจำนวนมากกว่าอีกเยอะ 17 คน เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวเนปาลยังไม่ได้แถลงในเรื่องนี้ด้วยข้อมูลที่แน่ชัด
• เนปาลยังไม่สั่งปิดเอเวอเรสต์
ทั้งนี้ ในปีนี้ นักปีนเขาต่างชาติทั้งสิ้น 377 คน ที่ได้ใบอนุญาตให้ขึ้นปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเมื่อปี 2019 แต่มีข้อกำหนดว่า นักท่องเที่ยวที่เข้าเนปาล ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนขึ้นบินไปยังเบสแคมป์
สาเหตุที่เนปาลจำเป็นต้องเปิดยอดเขาเอเวอเรสต์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามานั้น นั่นเป็นเพราะเนปาลเป็นหนึ่งในประเทศยากจนของเอเชีย มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวจากต่างชาติ โดยรัฐบาลสามารถเก็บค่าธรรมเนียมได้มากถึง 120 ล้านบาท จากการออกใบอนุญาตให้ปีนเอเวอเรสต์ในปีนี้ ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว เนปาลสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดเพราะโควิด-19 จนทำให้บรรดามัคคุเทศก์หลายคนต้องหันไปพึ่งพาการปลูกข้าว และมันฝรั่งเพื่อยังชีพ
อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ รัฐบาลเนปาลไม่เคยปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพบผู้ติดเชื้อโควิดที่เบสแคมป์ เอเวอเรสต์ จึงทำให้ผู้คนเกิดความกังวลมากขึ้นว่า การที่รัฐบาลเนปาลพยายามไม่ให้สถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิดที่เบสแคมป์รุนแรง ก็เพราะจะได้ไม่ออกคำสั่งปิด หรือไม่อนุญาตให้นักปีนเขาจากทั่วโลกสามารถขึ้นไปปีนเขาเอเวอเรสต์
• จีนเปิดให้ขึ้นเอเวอร์เรสต์อีกฝั่ง
ขณะที่ สำนักข่าว AP ชี้ว่า อีกฟากหนึ่งของเอเวอร์เรสต์ นั่นคือประเทศจีน ซึ่งทางการจีน เปิดทางให้ โดยให้ใบอนุญาต นักปีนเขา 38 คน สามารถขึ้นไปบนเอเวอร์เรสต์ได้ ผ่านทาง ยอดเขาจูมู่หลางหม่า( Qomolongma) ในทิเบตได้ เพราะที่จีนควบคุมโควิด-19ได้ดีแล้ว แต่ทุกคนต้องแสดงใบรับรองทางสุขภาพของตัวเองก่อนเริ่มการผจญภัย
ทุกคนต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิสม่ำเสมอรวมไปถึงต้องใช้กระป๋องออกซิเจน และบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระยะ 4 เมตรจากนักปีนเขาคนอื่นที่ด้านบนสุด นักปีนเขาจะได้รับการแจกหน้ากาก ปรอทวัดไข้ และน้ำยาฆ่าเชื้อ การปีนจะเริ่มต้นจากทางด้านใต้ของภูเขาที่อยู่ในฝั่งเนปาลจะได้รับการหารือเพื่อให้กลุ่มนักปีนเขาไม่ต้องพบหน้ากัน
•เนปาลในสถานการณ์อันเลวร้าย
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน สถานการณ์โควิด-19 ในเนปาล ค่อนข้างเลวร้ายและน่าเป็นกังวล เพราะตัวเลขในเดือนพฤษภาคมผ่านมาแค่ 1 สัปดาห์ แต่เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากเป็นประวัติการณ์ถึง 9,070 คนในวันเดียว หรือสูงกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนถึง 57 เท่า!
จนถึง 15.00 นาฬิกาวันนี้ (9 พฤษภาคม) ตามเวลาในไทย จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมในเนปาล อยู่ที่ 377,603 คน และเสียชีวิตสะสม 3,579 รายไปแล้ว และตัวเลขจะขยับเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน
ณ ปัจจุบัน รัฐบาลเนปาล ประกาศล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว เพื่อหยุดยั้งการการระบาดของโควิด-19
•ขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เค.พี.ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาลได้แถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ วิงวอนต่อประเทศเพื่อนบ้าน มิตรประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ ช่วยหาวัคซีนและอุปกรณ์การแพทย์แก่เนปาล เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 เป็นการด่วน โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อจีนและรัสเซีย รวมถึงผู้ผลิตวัคซีนต่าง ๆ ให้ช่วยจัดส่งวัคซีน โดยตัวเลขที่สื่อคาดการณ์กันคือ ตอนนี้เนปาลต้องการ ขอวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เร่งด่วน จำนวนไม่ต่ำกว่า 1.6 ล้านโดส เพราะตอนนี้สถานการณ์ทางสาธารณสุขของเนปาลกำลังจะเอาไม่ไหวแล้ว...
ข้อมูลจากศูนย์รับมือโควิด-19 ของรัฐบาลเนปาล พบว่า ทั้งประเทศมีเตียงผู้ป่วยร้ายแรงเพียง 1,595 เตียง และเครื่องช่วยหายใจ 480 เครื่องเท่านั้น
เนปาลยังขาดแคลนแพทย์ ตามข้อมูลของธนาคารโลก มีแพทย์เพียง 0.7 คน ต่อประชากร 100,000 คนเท่านั้น ตัวเลขถือว่าน้อยกว่าอินเดียที่อัตราอยู่ที่ 0.9 เสียอีก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าหวั่นใจมาก กับสถานการณ์ตอนนี้
ก่อนหน้านี้ เนปาล ได้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 2 ล้านคน ด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่อินเดียจัดหาให้ และวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน แต่ทางการเนปาล จำเป็นต้องระงับโครงการฉีดวัคซีนเมื่อเดือนที่แล้ว หลังเนปาลยังไม่ได้รับวัคซีนชุดใหม่จากอินเดียและจีน นั่นเอง
จากสถานการณ์อันเลวร้ายในเนปาล รวมถึงที่เอเวอเรสต์ นั่นสะท้อนให้เห็นว่าอันตรายจากโควิด-19 สามารถทะลุทะลวงไปได้ทุกที ทางแก้ที่ดีที่สุดของนั่นคือต้องยกการ์ดป้องกันตัวให้สูงเข้าไว้ พร้อมทั้งต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่ใดในโลกก็ตาม...