NIA เผย 3 นวัตกรรม ช่วยอำนวยความสะดวก และสร้างความมั่นใจให้ นักเรียน คุณครู และผู้ปกครองให้สามารถกลับไปเรียนช่วง เปิดเทอม ในยุค New Normal
เดือนกรกฎาคม ได้เห็นภาพบรรยากาศความคึกคักของการ เปิดเทอม ของสถานศึกษาต่างๆ ที่จะมาพร้อมกับความปกติใหม่ หรือ New Normal หลังผ่านพ้นวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงต้องมีการปรับตัวทั้งรูปแบบการเรียน การสอน หรือแม้แต่กิจกรรมต่างๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเป็นเครื่องมือ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยและมาตรการเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทุกฝ่าย
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA มี 3 นวัตกรรม เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และสร้างความมั่นใจให้นักเรียน คุณครู และผู้ปกครองให้สามารถกลับไปเรียนได้ในสภาวะที่ทุกอย่างอยู่ในยุค New Normal หลังเปิดเมือง
นวัตกรรม Online Blended Learning For School
Online Blended Learning For School หรือ นวัตกรรมการเรียนแบบผสมผสานออนไลน์สำหรับโรงเรียน เป็นนวัตกรรมที่จะเข้ามาทำให้การเรียนหนังสือของเด็กๆ สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา รูปแบบแพลตฟอร์มนั้นจะเป็นการใช้งานในรูปแบบของแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Learn Anywhere ซึ่งจะเปิดให้เด็กๆ เรียนผ่านแอปพลิเคชันในรายวิชาหลัก อย่างเช่น วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โดยเป็นบทเรียนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-มัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่านั้น โดยนักเรียนจะต้องลงทะเบียนเพื่อขอ Password และ Username หลังจากที่ได้รับรหัสผ่าน นักเรียนก็สามารถเข้าเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้เลย โดยระบบจะจัดลำดับบทเรียนตามที่โรงเรียนได้กำหนดไว้
ระบบนี้ ที่ผ่านมาได้นำไปทดลองใช้กับโรงเรียนนำร่องแล้ว 5 แห่ง ซึ่งพบว่า นักเรียนให้ความสนใจและเข้าใช้เป็นจำนวนมาก สำหรับความพิเศษของแอปพลิเคชัน คือ จะช่วยให้การเรียนผ่านระบบออนไลน์ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ลดความกังวลว่าหากไปทำกิจกรรมแล้วจะเรียนไม่ทันเพื่อน เพราะ สามารถกลับมาทบทวนบทเรียนได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ระบบสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนในยุคนี้ได้ค่อนข้างมาก สำหรับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนั้นจะเกิดผลดียิ่งขึ้นในกรณีที่มีการนำเอาแพลตฟอร์มออนไลน์ไปผสมผสานกับการสอนจริง นอกจากนี้ แอปพลิเคชันยังจะเข้าไปสนับสนุนการเปิดเทอมหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น และสามารถช่วยให้โรงเรียนรักษามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยที่ไม่ต้องให้เด็กผลัดกันเข้าห้องเรียน
นวัตกรรม Kids Up: ระบบจัดการความปลอดภัยของนักเรียนแบบครบวงจร
แพลตฟอร์ม Kids Up: ระบบจัดการความปลอดภัยของนักเรียนแบบครบวงจร เป็นนวัตกรรมที่จะเข้ามาบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดหน้าโรงเรียน และช่วยดูแลบุตรหลานให้ปลอดภัย
จุดเริ่มต้นของ Kids Up เกิดขึ้นจากประสบการณ์ส่วนตัวของเจ้าของแพลตฟอร์มที่ต้องไปรับ-ส่งลูกที่โรงเรียนเป็นประจำ และมักจะพบกับปัญหาการจราจรติดขัดหน้าโรงเรียน และความไม่ปลอดภัยที่เด็กจะต้องมายืนรอผู้ปกครองด้านหน้า ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
Kids Up เป็นแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาบริหารจัดการการรับ-ส่งบุตรหลานผ่านมือถือขึ้น เพื่อที่ผู้ปกครองสามารถใช้งานได้ทันทีหลังจากลงทะเบียนผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือเท่านั้น โดยบริษัทจะเข้าไปติดตั้งระบบที่สามารถแสดงผลและแจ้งเตือนให้นักเรียนทราบว่าอีกกี่นาทีผู้ปกครองจะมาถึงผ่านระบบโทรทัศน์ หรือ จอแอลอีดี
ปัจจุบัน ได้มีการติดตั้งระบบดังกล่าวและเริ่มใช้งานแล้วกับโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและนนทบุรีแล้ว ซึ่งพบว่า ระบบดังกล่าวช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด รวมไปถึงช่วยให้การจัดระบบรถเข้า-ออกบริเวณหน้าโรงเรียนได้เป็นอย่างดี มีความแม่นยำในเรื่องของเวลาค่อนข้างสูง เพราะระบบจะตรวจจับเวลาการเดินทางผ่าน Google Map ดังนั้น เวลาที่ผู้ปกครองมาถึงค่อนข้างตรงตามที่แจ้ง บวกลบไม่เกิน 5 นาที ในอนาคตจะมีการพัฒนาฟังก์ชั่นสำหรับผู้ปกครองที่ไม่ได้มารับลูกด้วยตนเอง และรถรับ-ส่งนักเรียน หรือการเชื่อมระบบกับแกร็ป
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาระบบเพื่อรองรับผู้ปกครองในบางกลุ่มที่ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันได้ทุกรูปแบบ เพราะในอนาคต นวัตกรรมหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวกับการศึกษาจะเข้ามามีบทบาทค่อนข้างมาก ดังนั้น จำเป็นจะต้องปรับและคิดค้นฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยระบบเทคโนโลยีต้องสามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม
นวัตกรรม School Management System 4.0
แพลตฟอร์ม School Management System 4.0 หรือโครงการระบบบริหารจัดการสถานศึกษา 4.0 คือ แพลตฟอร์มที่จะเข้ามาช่วยจัดระบบบริหารจัดการโรงเรียนแบบ 4.0 ด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกในการจัดระบบภาระงานภายในสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระบบตารางสอนของครู และตารางเรียนของนักเรียน ระบบเช็กชื่อ ระบบตรวจสอบคะแนนความความประพฤติ ระบบแจ้งการบ้าน ระบบลา รวมไปถึงระบบบริหารงานของครู เช่น ระบบรายงานผู้บริหาร ระบบรายงานผลการเรียน ระบบปฏิทินโรงเรียน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะถูกรายงานผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ซึ่งสามารถเข้าใช้งานผ่านมือถือได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม นอกจากนี้ ระบบจะทำงานแบบ Realtime ซึ่งจะช่วยให้โรงเรียนอัปเดตความเคลื่อนไหวของครู นักเรียน ได้ตลอดเวลา ผ่านการใช้ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บบน Cloud Base ที่มีความปลอดภัยสูง
ปัจจุบัน ได้มีการนำเอาระบบไปทดลองใช้กับโรงเรียนกว่า 300 แห่ง พบว่าระบบการจัดการภายในโรงเรียนมีความเป็นระบบมากยิ่งขึ้น โรงเรียนสามารถจัดหมวดหมู่เอกสาร และมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนแต่ละคนครบถ้วนและชัดเจน สามารถลดภาระงานให้แก่ครูได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ School Management System 4.0 ยังทำให้โรงเรียนทราบพฤติกรรมของนักเรียน และสามารถนำไปวางแผนเพื่อรองรับหรือปรับพฤติกรรมของนักเรียนได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากระบบจะจัดการข้อมูลภายในโรงเรียนให้แล้วยังสามารถเชื่อมผู้ปกครอง โรงเรียน และนักเรียนเข้าหากัน ซึ่งจะช่วยลดภาระงานของครูและสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ปกครอง
ความโดดเด่นของระบบนั้น แม้ว่าจะเป็นระบบการจัดการที่ค่อนข้างละเอียดและซับซ้อน แต่มีการออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ผ่านกราฟิกที่สวยงาม สบายตา เหมาะสำหรับครู อาจารย์
หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เราจะเริ่มเห็นสิ่งใหม่ๆ หรือ ชีวิตวิถีใหม่ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนวัตกรรมเกี่ยวกับการศึกษาหลัง เปิดเทอม เพราะหลังจากนี้ในระบบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน ครู นักเรียน จะหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้นวัตกรรมเกี่ยวกับการศึกษามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และจะกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนระบบการศึกษาไทย
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-017-5555 หรือ เว็บไซต์ www.nia.or.th และ facebook.com/NIAThailand