ทำความรู้จักสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมในอิหร่านที่ทรัมป์ขู่โจมตี

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าสหรัฐฯ ได้บ่งชี้สถานที่ 52 แห่งที่มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมอิหร่าน และเตือนว่าจะโจมตีอย่างหนักหากอิหร่านโจมตี “แก้แค้น” ชาวอเมริกัน อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และอิหร่านเคยลงนามข้อตกลงปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม แม้ระหว่างช่วงเวลาสงคราม การโจมตีสถานที่ทางวัฒนธรรมเหล่านี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามภายใต้กฎหมายสากล

มหานครโบราณเปอร์ซีโปลิส (Persepolis)

UNESCO ประกาศรับรองให้เปอร์ซีโปลิสหรือเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 1979 เปอร์ซีโปลิสหรือแพร์ซโพลิส เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียโบราณ ช่วงปี 550 ถึง 330 ก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เรียกได้ว่าเป็นเพชรเม็ดเอกของโบราณสถานอิหร่าน ตัวพระราชวังเปอร์ซีโปลิสได้ถูกทำลายเมื่อครั้งพระเจ้าเอเล็กซานเดอร์มหาราชมาเยือน แต่ถึงแม้จะถูกทำลาย ก็ยังคงมีตัวอาคารหลงเหลือให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม และถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสในช่วงต้นปี 1930

มัสยิดชาห์ชีรัคห์ที่เมืองชีราช (Shah Cheragh Mosque)

ชื่อของมัสยิดแห่งนี้แปลได้ตรงตัวว่า “ราชาแห่งแสง” (King of Light) ภายนอกอาจดูธรรมดา แต่ภายในมัสยิดมีความสวยงามตระการตามาก ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องกระจกโมเสกที่เล่นกับแสงอาทิตย์ตลอดวัน มัสยิดชาห์ชีรัคห์ที่ได้รับความเสียหายบ้าง แต่ก็ได้รับการบูรณะอย่างดีโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมและเป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญของอิหร่านด้วย

โบสถ์แวงค์ (Vank Cathedral)

โบสถ์แวงค์เป็นโบสถ์คริสต์หนึ่งเดียวใจกลางเมืองอิสฟาฮาน มีลักษณะเฉพาะตัว คือมีความคล้ายคลึงกับมัสยิดแบบอิหร่าน แต่ก็มีหอระฆังเหมือนโบสถ์ตะวันตก โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์เก่าแก่อายุร่วม 400 ปี สร้างขึ้นโดยชาวอาร์เมเนียที่หนีสงครามออตโตมันมาในช่วงศตวรรษที่ 17

สะพานที่อิสฟาฮาน (Bridges of Isfahan)

หลายคนเรียกว่าอิสฟาฮานเป็นเมืองที่สวยที่สุดของอิหร่าน เป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำ จึงมีสะพานสวยงามมากมาย สะพานที่อิสฟาฮานถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 สะพานที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคือสะพานคาจู ที่สร้างขึ้นในปี 1650 มีความยาวถึง 100 เมตร เป็นสะพานที่เชื่อมเมืองทางทิศเหนือและทิศใต้เข้าด้วยกัน

มัสยิดชีคล็อตฟุลเลาะห์ (Sheik Lotfallah Mosque)

มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองอิสฟาฮาน แม้ไม่ใช่มัสยิดที่ใหญ่ที่สุด แต่เป็นมัสยิดที่ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหราสวยงามตามแบบศิลปะเปอร์เซีย เพราะด้วยจุดประสงค์ให้เป็นมัสยิดประจำราชวงศ์ ภายในประดับตกแต่งด้วยงานกระเบื้องที่ได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งที่สวยที่สุดในโลก ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1979

ที่บูชาอิหม่ามเรซา (Imam Reza Shrine)

ที่นี่เป็นหลุมฝังศพของอิหม่ามคนที่ 8 จาก 12 อิหม่าม เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่แห่งนี้มีทั้งมัสยิดขนาดใหญ่ พิพิธภัณฑ์หอสมุด โรงเรียนสอนศาสนา ห้องโถงสำหรับรับประทานอาหารของนักแสวงบุญ ห้องโถงขนาดใหญ่สำหรับสวดมนต์ รวมพื้นที่ทั้งหมด 267,079 ตารางเมตร และมีสวนขนาดใหญ่อีก 7 สวน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดของประเทศอิหร่าน ปีละกว่า 25 ล้านคน

พาซาร์กาเด (Pasargadae)

พาซาร์กาเดเป็นเมืองหลวงแรกของจักรวรรดิอาเคเมนิด สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไซรัสมหาราช สถาปัตยกรรมสไตล์เปอร์เซียแห่งนี้ ยังเป็นแรงบันดาลให้การออกแบบพระราชวังทัชมาฮาลของอินเดีย และพระราชวังอาลัมบราของสเปนอีกด้วย ตัวอาคารดั้งเดิมหลงเหลืออยู่ไม่มากนั้น แต่เป็นส่วนสำคัญ คือส่วนที่เป็นสุสานของกษัตริย์ไซรัสเอง

สุสานแดเนียลที่เมืองซูซา

เมืองซูซาของประเทศอิหร่าน เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก มีประวัติย้อนหลังไปถึงราว 6 พันปี ตั้งแต่สมัยก่อนหน้าชาวเปอร์เซียเข้ามาอิหร่าน ที่นี่เป็นที่ตั้งของสุสานศาสดาพยากรณ์แดเนียล ผู้เผยแพร่พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า หนังสือของแดเนียลกล่าวไว้ว่า แดเนียลอาศัยอยู่ในบาบิโลนและอาจได้มาเยี่ยมชมเมืองซูซา แต่ก็ไม่มีการเอ่ยถึงว่าเขาเสียชีวิตที่ไหน

ป้อมปราการแบม

ป้อมปราการแห่งนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างด้วยอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนกลับไปถึงกว่า 500 ปีก่อนคริสตกาล เป็นสถาปัตยกรรมอาคารหลายหลังเชื่อมต่อกันบนเนินเขา ครอบคลุมพื้นที่ 180,000 ตารางเมตร ป้อมตรงกลางรายล้อมด้วยถนน บ้าน และตลาด ล้อมรอบด้วยกำแพงสูง 7 เมตร ที่แห่งนี้เสียหายอย่างมากจากแผ่นดินไหวเมื่อปี 2003 และยังคงมีความพยายามในการบูรณะจนถึงทุกวันนี้

Gonbad-e Kavus

สถาปัตยกรรมอาคารสูงหลังคารูปทรงกรวยแห่งนี้เป็นตัวอย่างอย่างดีของศิลปะและวิศวกรรมแบบอิหร่านโบราณ อาคารสูง 50 เมตรหลังนี้ย้อนกลับไปถึงต้นศตวรรษที่ 11 และยังนับเป็นอาคารอิฐที่สูงที่สุดในโลกในยุคปัจจุบัน