โปรดฟังความสองข้าง !! ต้อง “กำจัด” ลูกสุนัขติดเชื้อบ้า แต่ไม่ใช่ “เซ็ตซีโร่”

สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่วัดปรีดี อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการโพสต์ข้อความในโซเชียล ประสานกับการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนหลัก กลายเป็นประเด็นที่สาธารณชนสนใจ เพื่อให้เข้าใจข้อเท็จจริงของเรื่องราวทั้งหมด  นายสัตวแพทย์ศิริพงษ์ พลศิริ รักษาการปศุสัตว์จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้สัมภาษณ์สปริงนิวส์ ออนไลน์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า จำเป็นต้องวางยาเพื่อทำลายสุนัขที่ติดเชื้อและเสี่ยงติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในวัดดังกล่าว 14 ตัว เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน มีพระรูปหนึ่งซึ่งบวชอยู่ อ.ทุ่งใหญ่ แล้วมาจำวัดที่วัดปรีดี อ.ทุ่งสง นำเอาลูกสุนัขวัย 2 เดือนมาด้วย เนื่องจากเห็นว่า ถูกสุนัขใหญ่รุมกัด สงสารพากลับมาเลี้ยง  ต่อมา สุนัขใน อ.ทุ่งใหญ่ เกิดโรคพิษสุนัขบ้าได้กำจัดทิ้ง กระทั่งวันที่ 7 มีนาคม 2561 พบลูกสุนัขตัวนี้เริ่มป่วย นำไปตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์ อีก 2 วันต่อมาก็ตาย เจ้าหน้าที่สงสัยว่าจะติดเชื้อ จึงส่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการรู้ว่า ติดโรคพิษสุนัขบ้าจริง ในทางระบาดวิทยา เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ลงพื้นที่สืบสวนและสอบประวัติผู้อยู่ใกล้เคียง มีทั้งพระสงฆ์ในวัดและชาวบ้านรอบบริเวณ จึงพระซึ่งสึกออกไปก่อนหน้า มีบ้านอยู่ห่างวัดทุ่งปรีดี 300 เมตร ก็แจ้งว่าตนถูกลูกสุนัขตัวดังกล่าวกัด รวมถึงคนในครอบครัวอีก 4 คนที่มีประวัติสัมผัสน้ำลาย โดยการให้อาหารและคลุกคลีอยู่กับมัน คนในครอบครัวพระจำเป็นต้องวัคซีนยกครัวเรือน

ต่อมา ได้ทำการสำรวจสุนัขภายในวัดที่มีมากกว่า 20 ตัว แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่เปิด มีชุมชนอยู่รอบวัด มีทั้งสุนัขเลี้ยงตามบ้าน สุนัขจรจัดที่อยู่นอกวัด และอยู่ในวัด เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ต้องสอบประวัติว่ามีสุนัขตัวใดบ้างที่ฉีดวัคซีนหรือไม่ อย่างไร ผู้ใดดูแลและเป็นเจ้าของ ท้ายที่สุด ลูกสุนัขตัวนี้ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าแล้ว มีภาวะเสี่ยงสูงที่กัดหรือเลีย ทำให้น้ำลายเข้าไปในกระแสเลือด และไม่มีอะไรป้องกันได้ 100% ว่าจะปลอดเชื้อได้

“ปศุสัตว์จำเป็นต้องทำลายสุนัขที่ติดเชื้อ และมีโอกาสติดเชื้อ แม้แต่ลูกหมาก็เป็นโรคพิษสุนัขบ้า เรารู้ว่าทำเช่นนี้ต้องมีคนไม่พอใจแน่นอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ลำบากใจ แต่ทั้งหมา อ.ทุ่งใหญ่ ไปกัดเด็ก และอ.ทุ่งสง กัดอดีตพระและคนในครอบครัว มีทั้งนักเรียนในโรงเรียนวัด หากปล่อยไว้จะยิ่งระบาดมากขึ้น แต่ก็มีหมาบางส่วนที่อาจหลุดรอดไป เนื่องจากเป็นหมาตามบ้าน การทำลายครั้งนี้ ไม่ใช่การเซ็ต ซีโร่ อยากให้ประชาชนเข้าใจ ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย”

เหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ที่มีการระดมข้อเท็จจริงทั้งหลาย ระบุว่าข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ทุ่งใหญ่ สามารถใช้เป็นกรณีศึกษาได้อย่างดี ถึงเส้นทางการระบาดของพิษสุนัขบ้า และความเข้าใจทางการแพทย์ หากไม่ทำลายแล้ว ถ้าระบาดจะยิ่งรุนแรง สำหรับสุนัขจรจัด สุนัขที่ถูกปล่อยเลี้ยงในวัด มีความเสี่ยงสูง จากประวัติมีการกัดเด็ก และนักเรียนหลายคน ต้องพาไปฉีดวัคซีน ตามหลักวิชาการสากล ขององค์การอนามัยโลก หากโรคพิษสุนัขบ้าระบาด และไม่สามารถแยกแยะได้ วิธีเดียวคือกำจัดโดยการทำลายทิ้ง

ทั้งนี้ เหตุการณ์ทีเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ คือการกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ที่แสดงความไม่พอใจเมื่อถูกถ่ายคลิปเมื่อเจ้าหน้าที่นำศพลูกหมา และหมาที่ถูกวางยาใส่ถุงพลาสติกใหญ่สีสัมบรรทุกรถกระบะออกไป เกิดการต่อว่า ถกเถียงกันขึ้นเพราะไปกำจัดสุนัข โดยการวางยา ภายในเขตวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเฟซบุ๊ก The man that rescues dogs โพสต์เพจและคลิปดังกล่าว ยังนำเสนอในเว็บไซต์ https://themanthatrescuesdogs.org แสดงความคิดเห็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอีกด้วย

รายงานเอกสารขององค์การอนามัยโลกระบุว่า โรคพิษสุนัขบ้ากว่า 95% เกิดในทวีปเอเชียและแอฟริกา พบกว่า 150 ประเทศ ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายป่วยเป็นหวัด ระยะเวลา 2-12 สัปดาห์ มีบันทึกระยะฟักตัวป่วยเพียง 4 วัน และนานกว่า 6 ปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของแผลที่ติดเชื้อและปริมาณไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย หากอาการเป็นมากจะเริ่มแสดงอาการแขนขากระตุก คล้ายอัมพาต วิตกกังวล กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ไม่ดื่มน้ำ พฤติกรรมผิดปกติ กระทั่งเสียชีวิต

องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) กำหนดเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ.2020) จะต้องกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากโลกนี้เหมือนที่ทำกับโรคไข้ทรพิษสำเร็จมาแล้ว การกำจัดโรคดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการฉีดวัคซีนให้สุนัขให้ได้ร้อยละ 80 ของจำนวนสุนัขทั้งหมด แต่หากสัตว์ติดเชื้อแล้ว ต้องใช้วิธีกำจัดทิ้งเท่านั้น เพื่อตัดเส้นทางระบาดของเชื้อพิษสุนัขบ้า