วันลอยกระทงนี้ สปริงนิวส์ชวนตระหนักรู้ถึงคุณค่าและผลกระทบของสายน้ำ เรามาดูกันว่าทุกวันนี้ สายน้ำที่หล่อเลี้ยงเรามาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
ลอยกระทง ประเพณีอันเก่าแก่ของไทย เพื่อขอบคุณสายน้ำที่ได้มอบชีวิตให้แก่มนุษย์ แต่ทุกวันนี้เรายังขอบคุณสายน้ำกันอย่างจริงใจหรือเปล่า?
ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีดั้งเดิมของไทยมาแต่ช้านานเพื่อขอขมาแม่น้ำหรือสายน้ำที่ได้มอบชีวิตให้แก่มนุษย์ แต่ยิ่งนานวันประเพณีนี้เริ่มกลายเปลี่ยนเป็นประเพณีที่สร้างความทุกข์มากกว่าความสุขให้กับแหล่งน้ำที่เราเพิ่งขอขมาไป เพราะกระทงที่เป็นตัวแทนของการขอขมาที่แต่ละคนนำมา ก่อให้เกิดขยะจำนวนมหาศาลในแต่ละปี แม้ว่าจะหาทางกำจัดอย่างไร แต่ปริมาณก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อ้าวจะแก้ไขยังไงล่ะทีนี้
นอกเหนือจากช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ผ่านไป สายน้ำก็ยังคงไม่ได้หยุดพักเลยสักวินาทีเดียว
กระทง = ขยะ?
ในช่วงเทศกาลจะมีกระทงขายเกลื่อนกลาด แต่วัสดุที่นำมาประกอบเป็นกระทง 1 ใบนั้นมีความหลากหลายตามความคิดสร้างสรรค์ของผู้ขาย เพื่อหาผลกำไร แต่นั่นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพียงแต่วัสดุที่นำมาใช้นั้น มันต้องไปลอยอยู่ในแม่น้ำและมันส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย แล้วมีมลพิษอะไรบ้างที่น้ำต้องเผชิญจากการเทศกาลวันลอยกระทง
วัสดุสมัยก่อนเราจะเน้นไปที่การใช้ใบตอง และชิ้นส่วนต่างๆของต้นกล้วย เพื่อดัดแปลงประดิษฐ์ประดอยให้มาเป็นกระทงใบงาม แต่ความหัวใสของผู้ค้าขายได้ถูกพัฒนามาเรื่อยๆในการเปลี่ยนวัสดุให้ทนทานขึ้น เพราะต้นกล้วยเริ่มหายากในช่วงเทศกาลและเหี่ยวเฉาไว ตกแต่งไม่สวย จึงแปรเปลี่ยนมาใช้โฟมที่ทนทานและยาวนานขึ้นหรือกระทงขนมปังที่เสมือนกับว่าให้อาหารปลาหน้าวัดจะได้ไม่ทิ้งขยะไว้ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา ว่าวัสดุที่ใช้นั้นเหมาะสมกับน่านน้ำหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลอยกระทงออนไลน์ 2564 แจก 7 เว็บไซต์อยู่บ้านก็ทำได้ ปลอดภัย ลดเสี่ยงโควิด-19
วันลอยกระทง 2564 สถานที่จัดงาน กรุงเทพฯ ปทุม นนทบุรี ปริมณฑล
ประวัติวันลอยกระทง กับเรื่องราวความเชื่อว่าใส่อะไรลงไปในกระทงแล้วจะปัง
วันลอยกระทง ข้อห้าม จุดพลุได้ไหม ลอยกระทงวิถีใหม่ 2564 ฝ่าฝืนโทษจำ/ปรับ
เพลงวันลอยกระทง 2564 แนะนำเพลงฮิต Tiktok ครึกครื้นแบบพอดีในบ้านของคุณ
กระทงโฟม แน่นอนว่าวัสดุนี้มีผลต่อการใช้งานกับแหล่งน้ำโดยตรง และโฟมยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของสิ่งแวดล้อมเทียบเท่ากับพลาสติก เพราะใช้เวลาในการย่อยสลายยาก และยังปล่อยไมโครพลาสติกลงสู่แหล่งน้ำด้วย
กระทงขนมปัง ขนมปังเป็นสารอินทรีย์ที่เมื่อลงไปในน้ำนานมากๆแล้ว ถ้าปลากินไม่หมดแน่นอนว่ามันก่อให้เกิดน้ำเน่าเสีย เสมือนกับอาหารที่เหลือทิ้งแล้วเราโยนทิ้งลงในแม่น้ำ
ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางแก้ไขกระทงที่ใช้วัสดุวาไรตี้เหล่านี้ เพื่อกำจัดจำนวนขยะกระทงที่เกลื่อนอยู่ในสายน้ำด้วยการออกนโยบายรณรงค์ให้ประชาชนหันมาสนับสนุนกระทงที่ประดิษฐ์มาจากวัสดุที่ปลอดภัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การลดขนาดของกระทงลงมาให้เหลือขนาดกะทัดรัด กระทงที่ทำจากน้ำแข็งจะได้ละลายได้ แต่อย่าผสมสารอะไรลงไปล่ะ เดี๋ยวสารเคมีอันตรายบางชนิดจะถูกเจือปนลงแหล่งน้ำ
รัฐยังขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนว่าถ้าหากไปกันเป็นกลุ่มหรือเป็นครอบครัวก็ให้ใช้กระทงเพียงหนึ่งใบต่อหนึ่งกลุ่มพอ และขอความร่วมมือร้านค้าไม่ใช้วัสดุประกอบกระทงที่ไม่หลากหลายจนเกินไปอย่างเช่น พวกเข็มหมุด ดอกรักปลอม เป็นต้น และในยุคนี้ที่เราก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 กันอย่างเต็มรูปแบบ การลอยกระทงออนไลน์ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดเพราะไม่ก่อให้เกิดขยะสักชิ้นในช่วงเทศกาลเลย
อ้อ แล้วก็อย่าลืมเรื่องของการปล่อยโคมลอยบนท้องฟ้ายามค่ำคืนในวันลอยกระทงล่ะ มันดูสวยก็จริงแต่เกือบทุกปีเราจะเห็นว่ามักจะมีขาวโคมไปตกที่หลังคาบ้านใครสักคนแล้วเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ หรืออันตรายต่อการบินและอันตรายต่อสัตว์กลางคืน โดยเฉพาะนก ถ้าเป็นไปได้ผู้เขียนไม่แนะนำให้ลอยโคมจะดีกว่า
เมื่อเทศกาลแห่งความสุขผ่านไป ความทุกข์ของสายน้ำก็กลับมาทวีคูณขึ้นจากปัญหามลพิษทางน้ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก และวิกฤตการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ที่ปลอดภัยสำหรับผู้คนอีกเกือบครึ่งหนึ่งของโลก ที่ประสบกับภัยแล้ง การขาดแคลน ขาดรายได้ ปัญหาทางการเมือง ปัญหาทางสุขภาพ ปัญหาทางเศรษฐกิจและไปสิ้นสุดที่ความตาย
ในอีกซีกโลกหนึ่ง หรือแม้แต่ในประเทศของเราเอง ในบางครอบครัวหรือชุมชนยากจนมีภาวะของการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคที่ถูกสุขอนามัยอย่างรุนแรงอย่างไม่รู้ตัว
Unicef และ เว็บไซต์ Water.org ได้รวบรวมสถิติและรายงานภาวะของการขาดแคลนน้ำทั่วโลกโดยเฉพาะแถบแอฟริกาที่มีความแห้งแล้งยาวนานมากที่สุด โดยชี้ให้เราเห็นว่าปัจจุบันคนกว่า 785 ล้านคนทั่วโลกไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้
ปัญหาเรื่องการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการไม่สามารถหาทางแก้ไขในการหาแหล่งหรือวิธีกำจัดของเสียของตนได้อย่างเหมาะสม ก่อให้เกิดอันตรายสู่ชุมชนและผู้คน
โดยสาเหตุหลักของน้ำเน่าเสีย เกิดจาก 3 ประการหลักด้วยกัน คือ
1.การทิ้งของเสียลงสู่แหล่งน้ำชุมชนโดยชุมชน ผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ใกล้ริมน้ำมักจะทิ้งขยะในลำน้ำ เช่น เศษอาหาร พลาสติก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป น้ำยาซักผ้า น้ำมันจากการทำอาหาร หรือแม้กระทั่งซากสัตว์ที่ตายแล้ว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดการหมักหมมและเพิ่มสารพิษในแหล่งน้ำ ทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ไม่ได้ ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง และยังเป็นแหล่งแพร่พันธุ์เชื้อโรคด้วย
2.การปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งทางอากาศและทางน้ำ ซึ่งส่วนนี้ทางเจ้าของกิจการโรงงานและภาครัฐต้องเร่งหาทางแก้ไข ไว่ว่าจะด้วยข้อกำหนดกฎหมายก็ดีหรือการเก็บภาษีมลพิษก็ดี เพราะโรงงานมักปล่อยลงสู่แหล่งน้ำโดยตรงและผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำนั้นๆ
3.สารเคมีจากการทำการเกษตร แหล่งน้ำส่วนใหญ่มักติดกับพื้นที่การเกษตร เพราะการปลูกพืชพันธุ์ต้องใช้แหล่งน้ำเป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตของพืชผล การเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ก็ต้องมีการบำรุงดูแลด้วยปุ๋ยและสารเคมี อย่าง ไนเตรต ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียมและอื่นๆที่ถูกนำมาใช้ในปริมาณที่สูง และยังมีการกำจัดศัตรูพืชทำให้เกิดสารตกค้างในพืชผล เวลาฝนตกฝนจะชะล้างหน้าดินที่เต็มไปด้วยสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำใกล้เคียง
ปรากฎการณ์ทั่วโลกเหล่านี้ ปลาอยากให้เราตระหนักรู้ถึงความสำคัญของน้ำ เรายังโชคดีที่มีน้ำให้ใช้ได้อย่างสบายใจ แต่อีกซีกโลกหนึ่ง แค่น้ำ 1 แก้ว ยังยากที่จะเข้าถึงได้ ถ้าหากประเทศไทยเราเองและทั่วโลกไม่ฟุ่มเฟือยและประหยัดการใช้น้ำ รวมไปถึงดูแลสภาพน้ำให้ใสสะอาด เราก็อาจจะยังมีน้ำดีๆปลอดภัยให้ได้ใช้ในระยะยาวต่อไป