svasdssvasds

เพราะบูโรไม่เคยโกหก Keep Di ใช้บล็อกเชนเก็บประวัติ ขับรถดีมี Drive to Earn

เพราะบูโรไม่เคยโกหก Keep Di ใช้บล็อกเชนเก็บประวัติ ขับรถดีมี Drive to Earn

ระบบนิเวศประกันภัยกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ล่าสุดสตาร์ทอัพ Claim Di ขยายโมเดลธุรกิจสู่ Keep Di แพลตฟอร์มการบริการรูปใหม่บนบล็อกเชนที่สร้างขึ้นด้วยแนวคิดในการทำหน้าที่เสมือนเป็น National Insurance Bureau (NIB) ของระบบนิเวศด้านการประกันภัย

ไม่นานมานี้ ซีค แอนด์ คีพ เจเนซิส บริษัทแม่ของ Claim Di ประกาศเปิดตัว Keep Di บริการล้ำหน้าในรูปของ "แพลตฟอร์มบูโร" โดยพัฒนา Web 3.0 บนเทคโนโลยีบล็อกเชน ด้วยฐานคิดแบบ National Insurance Bureau 

กิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพชั้นนำ เคลมดิ

จุดเด่นของแพลตฟอร์มบูโร Keep Di

กิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพชั้นนำ เคลมดิ เปิดเผยว่า การมาถึงของ Web 3.0 และเทคโนโลยีบล็อกเชน ช่วยสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ และในฐานะที่เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มนวัตกรรมให้ธุรกิจประกันภัยมายาวนาน จึงสร้าง Keep Di แพลตฟอร์มที่ให้บริการมิติใหม่ด้านข้อมูลเชิงลึก เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายในธุรกิจประกันภัยด้วย ข้อมูลมือหนึ่ง (First-party data) แบบไม่ผ่านตัวกลาง ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณภาพสูง

Keep Di คือ แพลตฟอร์มการบริการรูปแบบใหม่บนบล็อกเชน ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน บนแนวคิดในการทำหน้าที่เสมือนเป็น National Insurance Bureau (NIB) ของระบบนิเวศด้านการประกันภัย โดยเก็บรักษาข้อมูลผู้ใช้งานไว้ใน NFT (Non-fungible Token) ที่ถูกระเบียบ มีความปลอดภัยสูง"

เมื่ออยู่ในรูปแบบ NFT ข้อมูลที่เก็บไว้จึงไม่สามารถนำมาทำซ้ำ และถือเป็นสินทรัพย์ของเจ้าของข้อมูลแต่เพียงผู้เดียว และด้วยโครงสร้างดังกล่าว จึงถือได้ว่าแพลตฟอร์ม Keep Di เป็นเสมือน บูโรกลางด้านข้อมูลของระบบนิเวศประกันภัยรายแรกของโลก ที่ให้ความปลอดภัย และมีความโปร่งใสในการบริหารจัดการ

โมเดลดังกล่าวจึงตอบโจทย์ความท้าทายในธุรกิจประกันภัยด้วย ข้อมูลมือหนึ่ง (First-party data) ซึ่งไม่ผ่านตัวกลาง จัดเป็นข้อมูลเชิงลึกคุณภาพสูงที่สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้จริง

Source : Keep Di

ที่มาและเหตุที่เรียกว่า แพลตฟอร์มบูโร

“ที่เรียกว่าเป็น บูโร เนื่องจาก Keep Di จะทำหน้าที่เสมือนเป็นแพลตฟอร์มกลาง มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูล โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้งานข้อมูลแต่อย่างใด เพราะการจะนำข้อมูลมาใช้ ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมระหว่างผู้ใช้และธุรกิจในระบบนิเวศประกันโดยตรง ซึ่งบล็อกเชนจะทำหน้าที่เป็นระบบโครงสร้างหลักหลังบ้าน โดยมี NFT เป็นเสมือนกลไกหรือเครื่องมือในการเก็บข้อมูลโดยตรงของผู้ใช้" 

กิตตินันท์กล่าวต่อถึงที่มาของ Keep Di ว่า ต้องการแก้ปัญหาในวงการประกันภัย ร่วมกับเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดรับไปกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้แก่

Source : Keep Di

  • Loss Ratio (ความเสียหายทางธุรกิจ) ที่มากถึง 66%
  • PDPA/GDPR (พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562/กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป)
  • Insurtech Trends 2022 (เทรนด์ของการใช้เทคโนโลยีในธุรกิจประกันภัย ปี 2022)
  • Web 3.0 (อินเทอร์เน็ตในยุคต่อไปที่ผสานรวมหลายเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน)

 

และจากเดิมที่ผู้ประกอบการจะเก็บข้อมูลได้ก็ต่อเมื่อมีลูกค้าใช้บริการ หรือเก็บจากช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ แต่บริการของแพลตฟอร์ม Keep Di จะปฏิวัติรูปแบบการเก็บข้อมูลแบบเดิมๆ

Source : Keep Di

"ลูกค้าเป็นฝ่ายยินยอมให้เก็บข้อมูลได้โดยตรง และข้อมูลนั้นจะถือเป็นทรัพย์สินของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนมือได้ หากไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ใช้ ระบบจึงช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว และให้ความเป็นส่วนปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นการจัดเก็บโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน"

 

เมื่อนำศักยภาพของ National Insurance Bureau มาผสานรวมกับนวัตกรรมด้าน AI และการพัฒนาเพื่อต่อยอดการใช้งานร่วมกับระบบ e-Payment หรือการใช้จ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ ก็จะช่วยผลักดันธุรกิจในระบบนิเวศประกันภัยไปสู่การเติบโต ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจได้ โดยระบบใหม่นี้จะสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ภายในเดือนหน้า

Source : Keep Di

ความข้องเกี่ยวของ "ผู้ใช้งาน กับ "เศรษฐกิจโทเคน" บน Keep Di

แพลตฟอร์ม Keep Di จะส่งมอบประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้งานในลักษณะของเครื่องมือทางการตลาดที่ให้ประสิทธิภาพสูง กล่าวคือ เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลด e-wallet และเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในแบบ NFT เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนบริการหรือรับสิทธิประโยชน์จากคู่ค้ามากกว่า 200 ราย ที่เข้าร่วมแพลตฟอร์มของ Keep Di หรือใช้บริการของ Claim Di อยู่แล้ว

ปัจจุบัน Keep Di มีจำนวน KDI โทเคน ที่หมุนเวียนอยู่ในระบบนิเวศ 1,000 ล้านเหรียญ โดยกระจายไปยังกลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้ใช้ที่เก็บ NFT ใน e-wallet และคู่ค้าที่เข้าร่วมในระบบนิเวศของแพลตฟอร์ม National Insurance Bureau โดยจะได้รับโทเคนตามเงื่อนไขของบริษัทฯ

ทั้งนี้ การใช้งานโทเคนจะอยู่ภายใต้กฎที่ ก.ล.ต. เป็นผู้กำหนด นอกจากนั้น บริษัทจะควบคุมปริมาณเหรียญอย่างเข้มงวด เพื่อให้มูลค่าของโทเคนไม่ผันผวนอย่างที่เกิดขึ้นในตลาด  

ตั้งแต่เดือนเมษายน บริษัทฯ เริ่มกระจายโทเคนสู่ระบบนิเวศคู่ค้าด้านประกันภัยรวมแล้วกว่า 3 ล้านโทเคน และคู่ค้าเหล่านี้ก็จะนำโทเคนที่มีไปใช้ในการทำการตลาดเพื่อมอบให้แก่ลูกค้าของตน นับเป็นการสร้างการเติบโตของ เศรษฐกิจโทเคน (Tokenomics) ที่ให้ประโยชน์ทางการตลาดโดยตรงแก่ทั้งคู่ค้าและลูกค้า (ผู้บริโภค)

Source : Keep Di

Keep Di จัด Drive to Earn โมเดลที่จะตามมาน่าสนใจยังไง?

การสร้าง NFT จากข้อมูลบุคคลถือเป็นการเพิ่มมูลค่าจากการใช้ประโยชน์ Data โดย Keep Di เตรียม Wallet ไว้รองรับ Voucher, Token กับ NFT และทางบริษัทจะเป็นผู้สร้างกับผู้จ่ายค่าแก๊สเอง (3 ปีแรก ไม่มีค่าแก๊ส) แต่หากมีพาร์ตเนอร์ พาร์ตเนอร์จะต้องเป็นผู้จ่ายค่าแก๊ส

Source : Unsplash

ตัวอย่างโมเดลธุรกิจ : แบรนด์รถหรูต้องการรู้พฤติกรรมการขับของผู้ใช้รถแบรนด์นั้นๆ อาจซื้อ Voucher แล้วกำหนดว่า จะขอเก็บข้อมูลผู้ใช้รถกี่คน เป็นข้อมูลด้านไหนบ้าง และจะตอบแทนผู้ให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกี่โทเคน 

ตัวอย่างการเก็บพฤติกรรมการขับรถ : โจอี้ขับรถเข้าเซ็นทรัล ถ้าเขาขับรถดี แพลตฟอร์ม AI ของ Claim Di จะไม่รู้ว่าโจอี้ดื่มแอลกอฮอล์และมึนเมาหรือไม่ (โลเคชันบอกได้แค่นั้น) แต่หากโจอี้ขับออกจากร้านเหล้าย่านทองหล่อ ระบบก็จะตรวจจับพฤติกรรมได้ว่าเป็นแหล่งกินดื่ม การขับขี่เป็นอย่างไร หรือถ้าเขาขับรถผ่านร้านค้าที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ Claim Di หรือจอดซื้อของที่ร้านพาร์ตเนอร์ก็อาจได้รับโทเคนอัตโนมัติ และทั้งหมดนี้ มีผลต่อค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในปีถัดๆ ไป

"ในอนาคต ค่าประกันภัยรถยนต์จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับ แม้เป็น Autonomous Vehicle ก็จะนำมาพิจารณาด้วย และทั้ง EV, Autonomous Car เป็นรถที่มีจำนวนน้อย อะไหล่น้อย ประกันแพง เราจึงสนใจว่า ใครเป็นคนขับ ก็จะคำนวณเบี้ย + พฤติกรรมคนขับ" กิตตินันท์ให้ข้อมูลเพิ่ม

ในช่วงต้นของการให้บริการ Keep Di และแพลตฟอร์มบูโร จะรองรับธุรกิจที่อยู่ในระบบนิเวศด้านประกันภัยเป็นกลุ่มแรก ก่อนที่จะขยายไปสู่ภาคธุรกิจในกลุ่มอื่น อาทิ กลุ่มธุรกิจรถยนต์ กลุ่มค้าปลีก เฮลธ์แคร์ และในปีหน้า จะขยายการให้บริการแพลตฟอร์มบูโร Keep Di ไปสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เป็นผู้ร่วมลงทุนใน Claim Di อย่าง ไต้หวัน เกาหลี และมาเลเซีย

related