ช่วงนี้น้ำมันแพงราคาน้ำมันวันนี้ขยับตัวขึ้นจนทำให้ค่าใช้จ่ายในกระเป๋าฝืดเคือง การใช้รถหรือการคมนาคมของสาธารณะก็เป็นวิธีประหยัดค่าน้ำมันได้อย่างหนึ่ง แต่บางคนจำเป็นต้องใช้รถยนต์จะมีวิธีอย่างไรในการเซฟค่าน้ำมัน เรามีเทคนิคการขับรถแบบประหยัดน้ำมันมาฝาก
ขับรถจำกัดความเร็ว
ในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงแบบนี้ การขับรถจำกัดความเร็วช่วยในการประหยัดพลังงานและเซฟค่าน้ำมันได้ด้วย โดยความเร็วสูงสุดที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ ทางธรรมดาไม่เกิน 90 กม./ชม., ทางด่วน 110 กม./ชม. และ มอเตอร์เวย์ 120 กม./ชม.
ไม่ควรติดเครื่อง จอดทิ้งไว้นานๆ
รู้ไหมว่าการติดเครื่องยนต์ แล้วจอดอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเป็นอย่างมาก หากเราจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลา 5 นาที สิ้นเปลืองน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์ไปถึง 500 ซีซีเลยทีเดียว
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
หลีกเลี่ยงชั่วโมงรถติด
การหลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนนอกจากจะทำให้เราประหยัดเวลาในการเดินทางแล้ว ยังประหยัดน้ำมันในช่วงที่น้ำมันแพงด้วย โดยถ้ารถติดเพียงร้อยละ 1 ของ จำนวนรถยนต์ 5 ล้านคัน ในวันทำงานทุกวัน และในบางเสาร์-อาทิตย์ ใน 1 ปี (330 วัน/ปี) จะสิ้นเปลืองน้ำมัน 12.4 ล้านลิตร คิดเป็นค่าน้ำมัน 186 ล้านบาทเลยดีเดียว
วางแผนหรือศึกษาเส้นทางก่อนเดินทาง
ก่อนการเดินทางทุกครั้งควรวางแผนการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อไปในสถานที่ที่ไม่เคยไป เพราะการที่เราขับรถหลง 10 นาที จะทำให้เราสิ้นเปลืองน้ำมัน 500 ซีซี ยิ่งถ้าการจราจรติดขัดด้วยละก็ยิ่งทำให้เปลืองน้ำมันเข้าไปอีก
ตรวจเช็กลมยางให้พอดี ไส้กรองต้องสะอาด
การตรวจเช็กลมยางและทำความสะอาดไส้กรองเป็นการช่วยทำให้เราประหยัดน้ำมันได้ซึ่งจุดน้ำเป็นจุดที่ถูกละเลยบ่อยครั้ง หากความดันลมยางอ่อนกว่ามาตรฐาน 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ถ้าขับทุกวันเฉลี่ยวันละ 48 กม. ใน 1 เดือน รถประเภทรถยนต์ จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.4 ลิตร, จักรยานยนต์ สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.2 ลิตร และ รถบรรทุก สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 4.2 ลิตร
ไม่บรรทุกของเกินจำเป็น
ข้าวของที่ไม่จำเป็นควรนำออกจากรถเพื่อเป็นการไม่ให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น ยิ่งช่วงน้ำมันแพงแบบนี้ด้วยแล้วละก็ หากขับรถโดยบรรทุกของที่ไม่จำเป็น ประมาณ 10 กก. เป็นระยะทาง 25 กม. สิ้นเปลืองน้ำมัน 40 ซีซี ถ้าร้อยละ 10 ของรถยนต์ทั่วประเทศ 5 ล้านคัน ขับรถโดยบรรทุกสิ่งของที่ไม่จำเป็น ใน 1 ปี จะสิ้นเปลืองน้ำมัน 7.3 ล้านลิตร คิดเป็นเงิน 10.95 ล้านบาท
ตรวจเช็กเครื่องยนต์เป็นประจำ
การตรวจเช็กเครื่องยนต์เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนไส้กรองตามกำหนด, เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นทุก 5,000 กม., ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง และน้ำในแบตเตอรี่, ตรวจสอบระดับน้ำป้อนหม้อน้ำ และการปรับปรุงสมรรถนะรถยนต์ให้ดีตลอดเวลา ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 3- 9 เลยล่ะ