กฎหมายห้ามทดสอบในสัตว์เพื่อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางถูกประกาศผ่านร่างและพร้อมบังคับใช้ปีหน้าแล้ว สำหรับรัฐนิวเจอร์ซีย์เป็นรัฐที่ 8 ที่ยุติการทรมานสัตว์เพื่อการทดลอง
"มนุษย์เขาอยู่เหนือกว่าเราเยอะ เขาไปถึงอวกาศได้ด้วยนะ แต่กระต่าย เอิ่ม เคยเห็นกระต่ายอยู่บนยาวอวกาศไหมล่ะ เคยมั้ง? ความเป็นจริงเราไม่ได้เป็นกระต่ายบนดวงจันทร์ แต่เราคือนักทดสอบ พ่อของฉัน แม่ของฉัน พี่น้องของฉันเป็นนักทดสอบ และพวกเขาก็ตายในระหว่างการทำหน้าที่ แต่ก็โอเคนะ เพราะเราเกิดมาเพื่อทำมัน"
ราล์ฟ-Save Ralph
เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ว่าราชการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ฟิล เมอร์ฟี (Phil Murphy) ได้ลงนามสัญญาเพื่อยุติการขายเครื่องสำอางที่ผ่านการทดลองในสัตว์ การสั่งแบนนี้จะช่วยปกป้องความโหดร้ายและไม่จำเป็นที่จะต้องทดลองในสัตว์จำพวก กระต่าย หนูตะเภา หนูบ้านและหนูจรตัวใหญ่อีกต่อไปแล้ว
สมาชิกวุฒิสภาแห่งรัฐ โจเซฟ (Joseph Lagana) และ สมัชชาแห่งรัฐ แอนโทนี (Anthony Verrelli) เป็นผู้สนับสนุนหลักของการสั่งยุติกิจกรรมนี้ ซึ่งผ่านการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดจากทั้งสองฝ่ายคือฝั่งวุฒิสภาและฝั่งสมัชชาที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก
“เครื่องสำอางที่ทดสอบในสัตว์ไม่เพียงแต่ไม่จำเป็นแล้วและไม่ได้ผลในบางครั้ง แต่มันยังก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงต่อสัตว์ มันเป็นเรื่องที่ทำให้ใจสลายมากเมื่อได้รู้ว่าพวกสัตว์เหล่านี้ต้องอดทนมากแค่ไหนในทุกๆวันหรือทุกๆสัปดาห์ การกระทำนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดลองในสัตว์และได้ขายออกไปในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เราต้องกระตุ้นให้บริษัทเหล่านี้หยุดทำเรื่องผิดศีลธรรมสักที” สว.โจเซฟ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แคมเปญ #SaveRalph : แอนิเมชั่นรณรงค์ "หยุดใช้สัตว์ทดลอง" เครื่องสำอาง
หมอธีระ เผยผลวิจัยจุฬาฯ พบ "หมา-แมว" ไทยติดโควิดในบ้านที่เจ้าของติดเชื้อ
Aveda x 3.1 Phillip Lim สร้างสรรค์ชุดของขวัญสำหรับดูแลเส้นผม แรงบันดาลใจผ่านความอัศจรรย์แห่งธรรมชาติ
ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ WAN ได้รายงานการใช้สัตว์เป็นตัวทดสอบในการผลิตเครื่องสำอางผ่านความเจ็บปวดที่แสนทรมาน กระต่ายจำนวนมากถูกฉีดสารเคมีลงบนผิวที่ถูกโกนขนหรือไม่ก็ฉีดเข้าดวงตาของพวกมัน หลังจากนั้นก็จะถูกจับตาดูปฏิกิริยาที่ตามมาจากการฉีดสาร เช่น รอยแดง เลือดไหลหรือไม่ และแผลเปื่อย หนูตะเภาและหนูบ้านจะถูกฉีดสสารลงบนผิวหนังหรือขูดที่หูของมันเพื่อทดสอบอาการแพ้
ส่วนหนูตัวใหญ่ที่เรามักเจอตามท่อน้ำที่สถานที่ที่สกปรก พวกมันจะถูกบังคับกรอกสารเคมีทางปากเป็นจำนวนมากเพื่อทดสอบว่าการรับสารปริมาณไหนถึงทำให้ตายได้และแน่นอนว่าหนูที่ถูกทดสอบทุกตัวส่วนใหญ่จะตายจากการทดสอบนี้ ความเจ็บปวดเหล่านี้แพร่กระจายไปยังสัตว์ทุกตัวที่ถูกจับมาทดสอบและจุดจบของพวกมันคือความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
กว่าจะผ่านกฎหมายฉบับนี้ รัฐนิวเจอร์ซีย์ได้ทำการรวบรวมความเห็นในสาธารณะว่าสัตว์เหล่านึควรถูกนำมาเป็นสัตว์ทดลองในการผลิตเครื่องสำอางหรือไม่ วิกกี้ (Vicki Katrinak) ผู้บริหารงานวิจัยและการทดสอบสัตว์เพื่อสังคมมนุษย์แห่งสหรัฐฯกล่าวว่า “การยกเลิกทดสอบในสัตว์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและแพร่หลายมากขึ้น และไม่มีข้อแก้ตัวตามจรรยาบรรณใดๆได้อีกเพื่อทำร้ายสัตว์เหล่านั้นต่อเพื่อให้เราได้แชมพู มาสคาร่า หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดที่พวกมันได้ทดสอบมาให้เรา”
การทดสอบในสัตว์ที่ล้าสมัยนี้จะถูกแทนที่ด้วยการเพิ่มกระบวนการทดสอบที่ทันสมัยกว่า เช่น การใช้เซลล์ในมนุษย์เป็นตัวทดสอบและคอมพิวเตอร์ที่ลงโปรแกรมเฉพาะไว้ เทคโนโลยีที่ไม่ใช้สัตว์เป็นตัวทดสอบนี้จะเร็ววกว่า ราคาถูกกว่าและเชื่อถือได้ รวมไปถึงปลอดภัยสำหรับมนุษย์ด้วย
กฎหมายใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคม 2022 และโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนทั้งผู้ขายและผู้ทำการทดลอง จะเสียค่าปรับตั้งแต่ 1,000 ดอลลาร์ต่อการขายหรือประมาณ 32,000 กว่าบาทไทย รัฐนิวเจอร์ซีย์เป็นรัฐที่ 8 ของสหรัฐอเมริกาแล้วและเป็นลำดับที่ 5 ของปีนี้ที่ผ่านร่างกฎหมายในการแบนการขายเครื่องสำอางที่ผ่านการทดลองในสัตว์ อีก 7 รัฐที่ผ่านกฎหมายนี้ด้วยเช่นกันคือ แคลิฟอร์เนีย เนวาดา อิลลินอยส์ เวอร์จิเนีย แมรี่แลนด์ เมนและฮาวาย
เป็นความร่วมมือสนุบสนุนที่แข็งแรงในการยุติการทดสอบสัตว์ในการผลิตเครื่องสำอาง หลายบริษัทที่ขายหรือผลิตเครื่องสำอางในรัฐนิวเจอร์ซีย์ได้ร่วมลงนามในการสนับสนุนตัวบทกฎหมาย ที่รวมไปถึง สุรา สมุนไพรและผึ้ง และกลุ่มผลิตภัณฑ์ออแกนิกที่เข้าร่วมแล้วกว่า 1,000 แบรนด์และบริษัทต่างๆที่ร่วมลงนามในการสนับสนุนพ.ร.บ.อาหาร ยาและเครื่องสำอางด้วย
มีสัตว์จำนวนมากที่ถูกจับมาเป็นตัวทดลองให้กับมนุษย์ ไม่เพียงแต่นำมาทดสอบในการผลิตเครื่องสำอางเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นยา น้ำหอม ครีมต่างๆ สิ่งสุขอนามัยของผู้หญิง น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า และการทดสอบทางวิทยาศาสตร์อีกหลายรูปแบบที่เราไม่อาจหยั่งรู้ได้ และรู้ไหมว่าในแต่ละปีมีสัตว์ถูกทดลองในปริมาณที่มากกว่า 10-20 ล้านตัวทั่วโลกหรือมากกว่านั้น สัตว์ทดลองอันดับ 1 คือหนู 85% กระต่าย แมว สุนัข สัตว์จำพวกลิงและนก ตามลำดับ
ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) มีผลอย่างมากต่อชนิดและจำนวนสัตว์ที่ถูกนำมาใช้งานทางวิทยาศาสตร์ ชนิดและจำนวนของสัตว์อาจลดลง เมื่อมีการพัฒนาวิธีการรูปแบบใหม่ให้ปราศจากการใช้สัตว์เป็นตัวนำและผลลัพธ์ที่ยอมรับได้ในระดับสากล
แต่อีกด้านหนึ่งความต้องการชนิดและจำนวนของสัตว์อาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพทำให้เกิดการพัฒนาสายพันธุ์สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ที่มีความเหมาะสมต่องานทดลองประเภทต่างๆมากขึ้น เช่น การพัฒนาหนูบ้าน (Mouse) ที่ผ่านการตัดต่อยีน (Transgenic mice) ที่จำเพาะต่อโรคซึ่งช่วยให้การศึกษาเกี่ยวกับกลไกของโรคและยาที่เกี่ยวกับโรคนั้นๆได้ดีขึ้น
ณ ตอนนี้จำนวนของสัตว์ที่ถูกนำไปทดสอบยังไม่แน่ชัดซะทีเดียว เนื่องจากการทดสอบในหนูที่นิยมอย่างมากในการทดลอง มีกฎหมายตัวหนึ่งคือ กฎหมายว่าด้วยการจัดสวัสดิภาพของสัตว์ (Animal Welfare Act) ที่ผู้นำไปทดลองไม่จำเป็นต้องรายงานจำนวนการใช้สัตว์แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่แน่นอนว่าการประเมินจำนวนสัตว์ที่นำไปทดลองนั้นไม่ต่ำกว่าหลายล้านตัวต่อปีแน่นอน
หากใครยังจำวิดีโอนี้ได้ ก็แสดงว่าคุณก็รับรู้เรื่องมาบ้างแล้วว่าสิ่งที่สัตว์ทั้งหลายต้องพบเจอในแต่ละวันมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง วิดีโออนิเมชันนี้ดูเหมือนจะเป็นการ์ตูนที่น่ารักแต่มันกลับกลายเป็นเรื่องราวของความทุกข์ทรมานในชีวิตประจำวันของกระต่ายที่ถูกนำไปเป็นสัตว์ทดลองทุกวันๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลองดูกันว่าชีวิตประจำวันมันเป็นยังไงบ้าง
แล้วคุณล่ะจะสนับสนุนการใช้เครื่องสำอางที่ผ่านการทดสอบในสัตว์อยู่หรือไม่ สามารถตรวจสอบยี่ห้อและแบรนด์ที่ยังใช้สัตว์เป็นตัวทดสอบได้ที่ crueltyfreekitty
ที่มาข้อมูล
culac.chula