เชื่อว่าแต่ละคนคงเห็นหน้ากากกันละอองฝอยสารพัดดีไซน์ หลากหลายนวัตกรรม แต่อาจไม่คาดคิดว่าจะมีหน้ากากผ้าฝีมือนักวิจัยไทยที่นำ ‘ผ้าไหมโคราช’ มาพัฒนาเป็น ‘หน้ากากผ้าไหม’ ที่บุคลากรทางการแพทย์สวมใส่ในหลายโรงพยาบาลโดยไม่รู้สึกอึดอัด
ผลงานหน้ากากผ้าไหมนี้พัฒนาโดยนักวิจัยไทยที่ทำงานภายใต้ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) นำ แสงซินโครตรอน ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ขั้นสูงมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด 19
ไม่ได้หิวแสง แต่จะพาไปรู้จักประเภทของแสงก่อน
ถ้ายังจำกันได้ วิชาวิทยาศาสตร์ทำให้เรารู้ว่า แสงมีหลายประเภท และเรียกต่างกันไปตามช่วงความยาวของคลื่นแสง อาทิ
ก้าวสู่ขั้นประยุกต์ใช้
ทีนี้นักวิจัยก็ใช้แสงซินโครตรอนวิเคราะห์โครงสร้างสามมิติโดยนำ 'ผ้าไหมปักธงชัย' ของดีเมืองโคราชมาออกแบบ หน้ากากผ้าไหม เพื่อใช้ทดแทนหน้ากากทางการแพทย์ โดยเว็บไซต์ eeci ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติสำคัญของแสงซินโครตรอนไว้ว่า
การใช้แสงซินโครตรอนที่สว่างจ้าวิเคราะห์โครงสร้างของเส้นใยผ้าจึงสามารถบ่งชี้ลักษณะของเส้นใย ขนาดเส้นด้าย และรูปแบบการทอ รวมถึงการกระจายตัวของช่องว่างภายในผ้าได้แบบสามมิติ ซึ่งจุดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการกำหนด 'ประสิทธิภาพการกรอง' ของผ้าชนิดต่างๆ
เมื่อเห็นรายละเอียดแบบสามมิติและทดลองประยุกต์ใช้โดยปรับเปลี่ยนขนาดเส้นไหมเป็นไหมควบ 3 เส้นและทอลายขัด 2 ตะกอ ซึ่งทดสอบแล้วพบว่าผ้าไหมนี้กรองอนุภาค PM 2.5 และ 0.3 ไมครอนได้มากถึง 85% ซึ่งดีกว่าผ้ามัสลินที่กรองได้เพียง 16-18% และที่พิเศษกว่าก็คือสามารถสวมหน้ากากผ้าไหมนี้เป็นเวลานานได้โดยไม่อึดอัด และยังป้องกันการกระจายของละอองฝอยน้ำลายได้ดีกว่าหน้ากากผ้าชนิดอื่น
นอกจากนวัตกรรมนี้จะนำวิทยาศาสตร์ขั้นสูงมาช่วยยกระดับสิ่งทอจากเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งเป็นวัสดุในท้องถิ่นของจังหวัด ยังสามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มได้
ข่าวดีคือ งานวิจัยนี้ไม่ได้อยู่บนหิ้ง แต่มีการนำหน้ากากผ้าไหมไปใช้งานจริงที่โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา จ.นครราชสีมา
ที่มา :